
ส.อ.ท.เผยดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม มี.ค.59 อยู่ที่ 86.7 จาก 85.1 ในก.พ.
ส.อ.ท.เผยดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม มี.ค.59 อยู่ที่ 86.7 จาก 85.1 ในก.พ.
นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนมี.ค.59 อยู่ที่ระดับ 86.7 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 85.1 ในเดือนก.พ.59 โดยค่าดัชนีฯ ที่เพิ่มขึ้นเกิดจากองค์ประกอบ ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ ทั้งนี้ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ในเดือนมี.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากที่ปรับลดลงติดต่อกัน 2 เดือน
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลบวกต่อค่าดัชนีฯ ได้แก่ มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ และการลงทุนภาครัฐเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับวัสดุก่อสร้างมียอดคำสั่งซื้อและยอดขายเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ขณะเดียวกันในเดือนมี.ค.มีกิจกรรมที่เกี่ยวกับการส่งเสริมการขายในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น อีกทั้งผู้ประกอบการได้เร่งการผลิตสินค้าเพื่อรองรับวันหยุดต่อเนื่องในช่วงเทศกาลสงกรานต์
อย่างไรก็ดี ค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ ยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 100 ซึ่งสะท้อนว่าความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการยังอยู่ในระดับที่ไม่ดี
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 98.3 ปรับตัวลดลงจากระดับ 100.1 ในเดือนก.พ. เนื่องจากผู้ประกอบการที่เป็นกลุ่มตัวอย่างยังมีความกังวลต่อปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจการ ทั้งจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ปัญหาภัยแล้ง การระมัดระวังในการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศ ขณะที่ต้นทุนประกอบการปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งความกังวลต่อความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออกจากการแข็งค่าของเงินบาท
ประธาน ส.อ.ท. กล่าวถึงข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการที่มีต่อภาครัฐในเดือนมี.ค.ว่า ต้องการให้เร่งการเบิกจ่ายงบประมาณ โดยเฉพาะงบลงทุนในโครงการที่รัฐบาลได้อนุมัติไปแล้ว รวมถึงเร่งเจรจาการค้ากับประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ เพื่อขยายตลาด ลดอุปสรรคทางการค้าและมาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษี อีกทั้งสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยไปลงทุนขยายกิจการในต่างประเทศ เพื่อใช้สิทธิพิเศษทางการค้าต่างๆ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลก พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้สินค้าภายในประเทศเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการไทย และป้องกันสินค้าด้อยคุณภาพเข้ามาในประเทศ และเร่งดำเนินการพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าว เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน