
กลุ่มเหล็กปรับขึ้นยกแผงมองดีมานด์ในปท.เพิ่มรับอานิสงส์รัฐลุยโครงการขนาดใหญ่
กลุ่มเหล็กปรับขึ้นยกแผง โบรกฯเล็งดีมานด์ในปท.เพิ่มรับอานิสงส์รัฐเดินหน้าโครงการขนาดใหญ่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ GSTEL ณ เวลา 15.00 น. ราคาอยู่ที่ 0.36 บาท บวก 0.02 บาท หรือ 5.88% สูงสุดที่ 0.37บาท ต่ำสุดที่ 0.34 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 5.69 ล้านบาท
ขณะที่ราคาหุ้นบริษัท จี เจ สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ GJS ราคาอยู่ที่ 0.36 บาท บวก 0.01 บาท หรือ 2.86% สูงสุดที่ 0.38 บาท ต่ำสุดที่ 0.35 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 35.69 ล้านบาท
ด้านราคาหุ้นบริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MILL ราคาอยู่ที่ 1.39 บาท บวก 0.04 บาท หรือ 2.96% สูงสุดที่ 1.41 บาท ต่ำสุดที่ 1.35 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 29.80 ล้านบาท
ส่วนราคาหุ้นบริษัท สามชัย สตีล อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ SAM ราคาอยู่ที่ 1.23 บาท บวก 0.03 บาท หรือ 2.50% สูงสุดที่ 1.23 บาท ต่ำสุดที่ 1.21 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 6.01 ล้านบาท
ขณะเดียวกันราคาหุ้นบริษัท ค้าเหล็กไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMT ราคาอยู่ที่ 13.60 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 2.26% สูงสุดที่ 13.80 บาท ต่ำสุดที่ 13.50 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 16.09 ล้านบาท
นอกจากนี้ราคาหุ้นบริษัท บางสะพานบาร์มิล จำกัด (มหาชน) หรือ BSBM ราคาอยู่ที่ 1.43 บาท บวก 0.03 บาท หรือ 2.14% สูงสุดที่ 1.44 บาท ต่ำสุดที่ 1.42 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 6.13 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมบวก 0.20% ทั้งนี้ปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้นกลุ่มเหล็กปรับตัวขึ้นรับอานิสงส์ดัชนีกลุ่มเหล็กขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า หุ้นกลุ่มเหล็ก ประเมินดีมานด์เหล็กในประเทศ (โดยเฉพาะเหล็กแท่ง) จะเพิ่มขึ้นจากโครงการรัฐฯ เป็นบวกต่อปริมาณขายและแนวโน้มราคาเหล็กในประเทศ จึงแนะนำ “เก็งกำไร” หุ้น BSBM และ TMT
ขณะที่ บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำหุ้น BSBM คาดงบไตรมาส 3/59 พลิกมีกำไรต่อเนื่อง โดยงวด 6 เดือน 59 มีกำไร 204.42 ล้านบาท พลิกจากที่ขาดทุน 44 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปีก่อน จากความต้องการใช้เหล็กก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นจากโครงการโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐฯ
ส่วน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะ “ซื้อ” หุ้น TMT เพื่อรับปันผล โดยให้ราคาพื้นฐาน 13.80 บาท คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/59 เติบโตแกร่ง 64%จากปีก่อนเป็น 135 ล้านบาท ปัจจัยหนุน คือ ปริมาณขายเหล็กที่เพิ่มขึ้นสูงทั้งจากปีก่อนและอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเกือบ 200bps ซึ่งไปชดเชยกับราคาขายเฉลี่ยที่ลดลงได้
สำหรับปริมาณขายไตรมาส 3/59 เพิ่ม 24% จากปีก่อนเป็น 1.77 แสนตัน โดยหลักมาจากการเติบโตของยอดขายลูกค้าดีลเลอร์, ลูกค้ากลุ่มก่อสร้างทั่วไป, ลูกค้ากลุ่มโครงสร้างเหล็กส่งออก บ่งชี้ถึงความสำเร็จในการให้บริการครบวงจรในรูปแบบ Solotion ที่บริษัทได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมา ทำให้มีส่วนแบ่งการตลาดสูงขึ้นต่อเนื่อง
ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 3/59 อยู่ในระดับสูงของภาวะปกติที่ 9% ซึ่งเพิ่มจาก 7.1% ในไตรมาส 3/58 (แต่ลดลงจากช่วงครึ่งปีแรกของปี 59 ที่มาร์จิ้นสูงผิดปกติที่ 16.7% เพราะเป็นช่วงราคาเหล็กปรับขึ้นเร็วขณะที่บริษัทมีวัตถุดิบต้นทุนต่ำ)
ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 4/59 คาดว่ายังมีโมเมนตัมที่ดี แต่อาจแผ่วลงบ้างในช่วงปลายปี ซึ่งมีวันหยุดยาว ส่วนทั้งปี 59 ประมาณการกำไรสุทธิไว้ที่ 814 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 154% จากปีก่อน)สำหรับปี 60 ประเมินว่ามาร์จิ้นจะกลับสู่ภาวะปกติ ขณะที่แต่ยอดขายยังเติบโตได้ 10-15% คาดการณ์กำไรสุทธิปี 60 ที่ 392 ล้านบาท เติบโตจากฐานปกติปี 58 ได้ 22%