
ย้อนรอยผลกระทบการเลือกตั้งปธน.สหรัฐต่อตลาดหุ้นไทย
ย้อนรอยผลกระทบการเลือกตั้งปธน.สหรัฐต่อตลาดหุ้นไทย
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจบทวิเคราะห์ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย โดยพบว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาทั้งหมด 9 ครั้ง นั้น ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลงก่อนการเลือกตั้งเพียงเล็กน้อย และภายหลังการเลือกตั้งยังมีการฟื้นตัวอย่างโดดเด่น สะท้อนความมั่นคงทางการเมืองและเศรษฐกิจ
โดย บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ (4 พ.ย.) โดยคาดผลกระทบของการเลือกตั้ง ปธน. สหรัฐฯ ต่อ SET จำกัดในช่วงเดือน พฤศจิกายนนี้ประเด็นหลักที่ทั่วโลกต่างจับตา คือ การเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 59 นี้นำโดยนาง Hillary Clinton ตัวแทนผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต และนาย Donald Trump ตัวแทนผู้สมัครจากพรรครีพับริกัน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ทั้งคู่มีการอภิปราย (Debate) อย่างเป็นทางการทั้งหมด 3 ครั้งพบว่าคะแนนเสียงส่วนยังคงเทคะแนนให้ Clinton มากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย เราเริ่มพบว่าคะแนนความนิยมของ Clinton เริ่มลดลง สวนทางกับฝั่ง Trump ที่คะแนนเร่งตัวขึ้นมาใกล้เคียง และท้ายที่สุดคงต้องติดตามบทสรุปว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง ซึ่งความไม่แน่นอนดังกล่าวอาจกระทบต่อทิศทางการลงทุนของตลาดสินทรัพย์เสี่ยงช่วงสั้นได้
– นโยบายหลักของ Hillary Clinton (พรรคเดโมแครต) มีการเน้นย้ำถึงการใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐาน และการกระตุ้นทางการคลังที่มากขึ้นชดเชยการอัตราภาษีที่สูงขึ้น ซึ่งนโยบายของ Clinton นั้นจะใกล้เคียงกับนโยบายของประธานาธิบดีโอบามาในปัจจุบัน โดย Nomura มองว่านโยบายของ Clinton จะหนุนในเศรษฐกิจเติบโตดีทัง ระยะสัน และระยะกลาง-ยาว
– นโยบายของ Donald Trump (พรรครีพับริกัน) มีมุมมองที!ต่างออกไป โดยเน้นไปที!การเร่งอัตราเงินเฟ้อ รวมถึงการปรับเปลี่ยนนโยบายการค้าระหว่างประเทศให้เอื้อต่อสหรัฐฯมากขึ้น โดยเรามองว่า ภายใต้นโยบาย Trump จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตดีในระยะสั้นเท่านั้น และอาจส่งผลให้อัตราดอกเบี้ย อยู่ในระดับสูง และใช้มาตรการการเงินแบบเข้มงวดมากขึ้น เนื่องจากทิศทางนโยบายมุ่งเน้นสนับสนุนกลุ่มพลังงานในสหรัฐฯ
ทั้งนี้ หากดูข้อมูลสถิติผลกระทบของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯต่อตลาดหุ้นไทย ย้อนหลัง 9 ครั้ง ตั้งแต่ปี 1980 จะพบว่า ช่วง 1 เดือนก่อนการเลือกตั้ง SET จะปรับตัวลงราว -3.3% แต่ โอกาสปรับฐานต่ำเพียง 44% อีกทั้งการเลือกตั้งปี 1996 และ 2008 เป็นปีที่มีวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งและซับไพร์ม ดังนั้นหากหักผลกระทบตรงนี้ออกไป จะเห็นว่าตลาดหุ้นไทยแทบไม่ปรับฐานก่อนการเลือกตังสหรัฐฯ เลย
อีกทั้งหลังการเลือกตังแล้วเสร็จ SET กลับฟื้นตัวโดดเด่นเฉลี่ย 1%-22% ในช่วง 1-4 ไตรมาสถัดมา โดยเฉพาะหากตัดช่วงวิกฤตเศรษฐกิจออกจะพบว่า 1 ไตรมาสหลังเลือกตั้ง SET แกว่งบวกเฉลี่ย 5% ด้วยโอกาสสูง 71.43% สะท้อนการลงทุนตอบรับความมั่นคงทางการเมืองและเศรษฐกิจของผู้นำโลกอย่างสหรัฐฯมากกว่า ดังนั้นทีมกลยุทธ์ประเมินว่าประเด็นนี้จะเป็นเพียง ความผันผวนเล็กๆ ในสัปดาห์นี้ และไม่ว่าประธานาธิปดีคนใหม่ของสหรัฐฯ จะเป็นใคร เรามีโอกาสเห็น SET ตอบรับเชิงบวก ต่อความคาดหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกรอบใหม่ กลยุทธ์จึงใช้จังหวะย่อสะสมหุ้นพื้นฐานเด่นประจำเดือน พ.ย. 59 ได้แก่ PTTEP, BJC, CK, STPI, PSTC, NYT