สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศประจำวันที่ 13 ก.พ.60


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น เมื่อคืนนี้ (13 ก.พ.) โดยดัชนีดาวโจนส์, NASDAQ และ S&P500 ปิดที่ระดับสูงสุดติดต่อกัน 3 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับข่าวที่ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ เตรียมประกาศแผนการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ โดยนักลงทุนเดินหน้าเข้าซื้อหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากนโยบายดังกล่าว ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์มีท่าทีที่เป็นมิตรมากขึ้นต่อจีนและญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสองประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,412.16 จุด พุ่งขึ้น 142.79 จุด หรือ +0.70% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,763.96 จุด เพิ่มขึ้น 29.83 จุด หรือ +0.52% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,328.25 จุด เพิ่มขึ้น 12.15 จุด หรือ +0.52%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก เมื่อคืนนี้ (13 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ มีท่าทีที่เป็นมิตรมากขึ้นของต่อจีนและญี่ปุ่น ซึ่งเป็น 2 ประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากคณะกรรมาธิการยุโรปได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจของสหภาพยุโรป (EU) ในปีนี้

ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.8% ปิดที่ 370.13 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 5 วันทำการ

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,888.19 จุด เพิ่มขึ้น 59.87 จุด หรือ +1.24% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,774.43 จุด พุ่งขึ้น 107.46 จุด หรือ +0.92% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,278.92 จุด เพิ่มขึ้น 20.17 จุด หรือ +0.28%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวก เมื่อคืนนี้ (13 ก.พ.) โดยดัชนี FTSE 100 ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 4 สัปดาห์ ด้วยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตลาดยังรับปัจจัยบวกจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้แสดงท่าทีที่ผ่อนปรนลงในนโยบายการค้าและการเมืองต่อประเทศมหาอำนาจอย่างจีนและญี่ปุ่น ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความวิตกเป็นอย่างมาก             

ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 20.17 จุด หรือ 0.28% ปิดที่ 7,278.92 จุด

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบ เมื่อคืนนี้ (13 ก.พ.) หลังจากเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะบ่อน้ำมันสหรัฐ รายงานว่าแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ใช้งานในสหรัฐมีจำนวนเพิ่มขึ้น ซึ่งบ่งชี้ว่าการผลิตน้ำมันในสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 93 เซนต์ หรือ 1.7% ปิดที่ 52.93 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 1.11 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 55.59 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง เมื่อคืนนี้ (13 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดติดต่อกัน 3 วันทำการ นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะแถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารของวุฒิสภาสหรัฐในวันที่ 14-15 ก.พ.นี้ โดยคาดว่าอาจจะมีการส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 10.1 ดอลลาร์ หรือ 0.82% ปิดที่ระดับ 1,225.80 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 11.2 เซนต์ หรือ 0.62% ปิดที่ 17.821  ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 11.4 ดอลลาร์ หรือ 1.13% ปิดที่ 1,000.30 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 8.15 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 774.95 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆเกือบทั้งหมด ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 ก.พ.) ด้วยแรงหนุนจากความเชื่อมั่นของนักลงทุน ภายหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้ให้คำมั่นว่าจะประกาศแผนปรับลดภาษีครั้งใหญ่ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 113.63 เยน จากระดับ 113.50 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0053 ฟรังก์สวิส จากระดับ 1.0040 ฟรังก์สวิส

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0601 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0628 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.2527 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2477 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงที่ระดับ 0.7650 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7672 ดอลลาร์

Back to top button