TPBI คาดคว้าออเดอร์บรรจุภัณฑ์พลาสติกขนส่งสินค้ากลุ่ม E-commerce

TPBI คาดคว้าออเดอร์บรรจุภัณฑ์พลาสติกขนส่งสินค้ากลุ่ม E-commerce พร้อมเริ่มผลิต Q1/60 - เพิ่มการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทถุงขยะ หวังรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น


นายกมล บริสุทธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท ทีพีบีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ TPBI เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับพอร์ตเสริมสินค้ากลุ่มบรรจุภัณฑ์ General Packaging ที่สร้างรายได้หลักให้แก่ TPBI โดยได้ปรับเพิ่มการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทถุงขยะ ซึ่งได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องและเมื่อสิ้นปี 59

โดยสัดส่วนของสินค้ากลุ่มถุงขยะเพิ่มจากเดิมที่มีสัดส่วน 21% เป็น 24% ของกำลังผลิตทั้งหมด 64,000 ตัน/ปี เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้าในบางประเทศที่มีนโยบายลดการใช้ถุงหูหิ้ว โดยคิดเงินกับผู้บริโภคที่ขอถุงหูหิ้วเมื่อซื้อสินค้า ซึ่งส่งผลให้เกิดความต้องการซื้อถุงขยะเพิ่มขึ้นเพื่อนำมาใส่เศษอาหารและเศษขยะ

นอกจากนี้ บริษัทยังพัฒนาไลน์สินค้าใหม่ๆ ในหมวดดังกล่าวที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมอาหาร เช่น ถุงสำหรับแช่แข็งอาหารในตู้เย็น ถุงใส่ผักผลไม้ ถุงสำหรับใส่ครีมตกแต่งหน้าเค้ก รวมถึงขยายไลน์ไปสู่การผลิตบรรจุภัณฑ์ถุงที่ใช้ในกลุ่มลูกค้าภาคโรงงานอุตสาหกรรมอาหารและเกษตรแปรรูป

ขณะเดียวกันยังได้พัฒนาบรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับภาคขนส่งสินค้า รับความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกเพื่อการขนส่งสินค้าในกลุ่ม E-commerce ที่มีศักยภาพการขยายตัวได้ดีตามมูลค่าการค้าบนโลกออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะได้รับออเดอร์และเริ่มผลิตสินค้าได้ภายในไตรมาส 1 ปีนี้ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นรายได้จากกลุ่ม General Packaging ให้เติบโตได้ดี

ทั้งนี้ แนวโน้มของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป โดยหลายประเทศได้ให้ความสำคัญกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติก จึงรณรงค์ลดปริมาณใช้ถุงหูหิ้วและบรรจุภัณฑ์พลาสติกอื่นๆ ดังนั้น บริษัทจึงต้องปรับตัวรองรับเทรนด์การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เพื่อรักษาศักยภาพการแข่งขันและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป

“ปีนี้เป็นปีที่ TPBI ปรับรูปแบบการผลิตสินค้าในกลุ่ม General Packaging ให้สอดรับเทรนด์ตลาดที่ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยขยายการผลิตและเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน ซึ่งเชื่อว่าด้วยแนวทางดังกล่าวของเรา จะสามารถผลักดันการเติบโตในปีนี้ได้ 5-10%”นายกมล กล่าว

นายกมล กล่าวว่า ขณะที่กลุ่มสินค้า High Value Added ที่ปีนี้ บริษัทต้องการเพิ่มสัดส่วนรายได้เป็น 25% หลังมีแนวโน้มความต้องการใช้เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม Multilayer Film ที่ถูกใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น บรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค ทั้งนี้ บริษัทจึงได้ลงทุนขยายกำลังการผลิตสินค้าในกลุ่มดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีก 2,500 ตัน/ปี จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิต 9,000 ตัน/ปี ซึ่งจะใช้เงินลงทุนเครื่องจักรประมาณ 60-70 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงครึ่งปีหลังนี้

ส่วนความคืบหน้า โครงการขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคอีก 100 ล้านเมตร/ปี ที่มีวงเงินลงทุนประมาณ 800 ล้านบาทนั้น คาดว่าจะแล้วเสร็จในต้นปี 2561

 

Back to top button