PM บวกกว่า 4% ลุ้นกำไรโตแกร่ง-ปันผลสูง

PM บวกกว่า 4% ลุ้นกำไรโตแกร่ง-ปันผลสูง ล่าสุด ณ เวลา 11.26 น. อยู่ที่ 12.40 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 4.20% สูงสุดที่ 12.50 บาท ต่ำสุดที่ 12.20 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 106.96 ล้านบาท ด้าน โบรกฯ แนะจับตาการปรับกลยุทธ์หลังเปลี่ยนผู้บริหารใหม่ ชี้การส่งออกสินค้าขยายตัวดี


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PM ล่าสุด ณ เวลา 11.26 น. อยู่ที่ 12.40 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 4.20% สูงสุดที่ 12.50 บาท ต่ำสุดที่ 12.20 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 106.96 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นโดยรวมบวก 0%

โดย นักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์ให้ราคาเป้าหมาย 13.00-15.30 บาทต่อหุ้น โดยอิงจากกำไรปกติครึ่งแรกปี 60 ที่เติบโตเป็น 228 ล้านบาท หรือโต 17% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จะได้ EPS ปีนี้ที่ 0.76 บาท/หุ้น ประเมินมูลค่าอิง PE 17-20 เท่า (Discount จากกลุ่มอาหารที่ 22 เท่า)

ทั้งนี้ PM มีความน่าสนใจมากขึ้นจากการเปลี่ยนผู้บริหารและปรับกลยุทธ์มาเป็นเชิงรุกมากขึ้น โดยมีการขายธุรกิจที่ไม่ทำกำไรออกไปและให้ความสำคัญกับการส่งออกสินค้าทาโร่ซึ่งมีโอกาสเติบโตในหลายประเทศรวมทั้งประเทศจีน

ขณะที่ธุรกิจการจัดจำหน่ายสินค้าและรับจ้างผลิตยังเติบโตได้ต่อเนื่อง กำไรปกติครึ่งปีแรกเติบโต 17% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ฐานะการเงินมั่นคง อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 5-6%

ทั้งนี้ PM เป็นผู้ผลิตปลาสวรรค์ทาโร่ มีส่วนแบ่งตลาด 70-75% ของตลาดปลาเส้น หรือคิดเป็น 6-7% ของตลาดขนมขบเคี้ยว (ซึ่งเป็นอันดับ 3 รองจาก เลย์ 18% และ เถ้าแก่น้อย 9%) PM ยังเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคผ่านช่องทาง Modern Trade ร้านค้าแบบดั้งเดิม และรถขายเงินสด ครอบคลุมจุดขายมากกว่า 2 แสนจุด

โดยบริษัทมีการรับจ้างผลิต (OEM) สินค้าปลาทูน่า อาหารทะเล และอาหารสัตว์เลี้ยงเพื่อส่งออก อีกทั้งผลิตซอสมะเขือเทศและซอสปรุงรส ภายใต้แบรนด์ King’s Kitchen รายได้จากสินค้าทาโร่และธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้ามีสัดส่วน 78% ขณะที่การส่งออกสินค้าทูน่าและซอสมีสัดส่วน 21%

ขณะเดียวกัน PM มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารและภาพรวมขององค์กร โดยมีแผนการส่งออกทาโร่ที่ชัดเจนขึ้น โดยมีการส่งออกไปยัง CLMV เกาหลี และยุโรป เพิ่มมากขึ้น

อีกทั้งการส่งออกไปจีนคาดจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันกำลังเจรจากับพันธมิตรในประเทศจีนเพื่อขยายตลาดในประเทศจีนมากขึ้น PM ยังเชื่อว่าธุรกิจรับจ้างผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงเพื่อลูกค้าส่งออกก็มีแนวโน้มเติบโตสูง

นอกจากนี้ในเมื่อช่วงไตรมาส 2/60 PM ได้ขายธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักออกไป คือ บริษัท พรีเมียร์เอ็นเตอร์ไพรซ์ (PE) ทำให้ไม่ต้องรับรู้ขาดทุนจาก PE อีกต่อไปจากเดิมที่รับรู้ขาดทุน 30-50 ล้านบาทต่อปี

Back to top button