SIRI ผนึก BCPG ลุยติดตั้ง “โซลาร์รูฟ” 30 โครงการ กำลังผลิตรวม 5MW

SIRI ผนึก BCPG ลุยติดตั้ง “โซลาร์รูฟ” 30 โครงการ กำลังผลิตรวม 5MW ฟาก BCPG มั่นใจหากติดตั้งโซลาร์รูฟแล้วเสร็จจะมีรายได้จากโครงการดังกล่าวที่ 14 ลบ./ปี


นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเบื้องต้น (MOU) เพื่อร่วมมือกับ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG ในการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปในโครงการที่พักอาศัยของ SIRI จำนวน 30 โครงการ ภายใน 3-5 ปีเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเป็น 2-5 เมกะวัตต์

โดยปัจจุบันได้เริ่มติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปไปแล้วในโครงการ T77 จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ คอมมูนิตี้มอลล์ ฮาบิโตะ, โรงเรียนนานาชาติ, โรงพยาบาลฟัน, พาร์ค คอร์ท คอนโดมิเนียม กำลังการผลิต 600 กิโลวัตต์ และอยู่ระหว่างการติดตั้งเพิ่มเติมอีก 3 โครงการ ได้แก่ โรงงานพรีคาสท์, สปอร์ตคลับของบ้านเดี่ยวโครงการหนึ่ง และโรงเรียนสาธิตพัฒนา รามอินทรา ซึ่งทาง BCPG เป็นผู้ลงทุนติดตั้งและวางระบบทั้งหมด ขณะที่โครงการของแสนสิริจะเป็นผู้ซื้อไฟจาก BCPG ซึ่งมีราคาถูกกว่าอัตราการค่าไฟปกติ 15%

สำหรับการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปในโครงการของแสนสิริในอนาคต จะเน้นไปที่โครงการแนวราบเป็นหลัก โดยที่เริ่มจะติดตั้งในส่วนกลางของโครงการ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโครงการบ้านเดี่ยว ส่วนโครงการทาวน์เฮาส์จะเริ่มนำร่องติดตั้งบนหลังคาของลูกบ้านในโครงการสิริ เพลส สุขสวัสดิ์ เป็นโครงการแรก

นายอุทัย กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทจะผลักดันการใช้พลังงานสะอาดในโครงการ เนื่องจากมองว่าเป็นการสร้างมูลค่าให้กับโครงการ และลูกบ้านสามารถซื้อไฟฟ้าในราคาที่ถูกกว่าปกติ ประกอบกับการทำระบบบล็อกเชนทำให้เกิดการเทรดดิ้งไฟฟ้าได้ระหว่างแต่ละโครงการของแสนสิริ ทำให้มีรายได้เสริมเข้ามา จากปกติที่การซื้อบ้านหนึ่งหลังลูกบ้านจะมีค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามมา โดยเฉพาะค่าซ่อมแซมบ้าน ที่เพิ่มมานอกเหนือจากการผ่อนชำระค่าบ้านรายเดือน

ส่วนโครงการเดิมของแสนสิริที่ได้มีการพัฒนาไปแล้วและอยากจะเข้าร่วมการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ทางแสนสิริจะพัฒนาเป็นแพลตฟอร์มในอนาคตต่อไป เบื้องต้นการติดตั้งแผงโซลาร์รูฟท็อปบนหลังคาบ้านจะใช้เงินลงทุนราว 100,000 บาท/หลัง โดยปัจจุบันโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างการพูดคุยกับ BCPG ให้ช่วยลูกบ้านจัดหาแหล่งการเงิน ส่วนโครงการที่แสนสิริ เซ็น MOU ไว้ 30 โครงการนั้นทาง BCPG จะเป็นผู้ลงทุนทั้งหมด

ด้านนายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ BCPG เปิดเผยว่า การร่วมกับแสนสิริในการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปในโครงการของแสนสิริที่ T77 ถือเป็นโครงการนำร่อง โดยมีสัญญาการขายไฟระยะเวลา 25 ปี ซึ่งโครงการนำร่อง 4 โครงการใน T77 คาดว่าจะสร้างรายได้ให้กับบริษัท 3.5 ล้านบาท/ปี และได้เซ็น MOU กับแสนสิริเพิ่มเป็น 30 โครงการ คาดว่าจะใช้งบลงทุนรวม 90-150 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 2-5 เมกะวัตต์ โดยหากติดตั้งและจ่ายไฟฟ้าได้ครบจะทำให้บริษัทมีรายได้จากโครงการดังกล่าวเพิ่มเป็น 14 ล้านบาท/ปี

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานของ BCPG ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์ประเภทโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 2 โครงการ กำลังการผลิต 27.60 เมกะวัตต์ ให้กับกองทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ โครงการ Nikaho จำนวน 13.2 เมกะวัตต์ และ Nagi 14.40 เมกะวัตต์ มูลค่า 3 พันล้านบาท ซึ่งจะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์เข้ามาในครึ่งปีหลังของปีนี้

ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมั่นใจรายได้รวมในปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 15-20% จากการดำเนินงานในธุรกิจเดิมตามแผน และการเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าในต่างประเทศเพิ่ม ซึ่งมีการศึกษาและเจรจาอยู่หลายดีล แต่คาดจะสรุปในเร็วๆ  นี้ 2-3 ดีล กำลังการผลิตรวมราว 100 เมกะวัตต์ ซึ่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสด และการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน

ส่วนงบลงทุนรวมในปีนี้บริษัทตั้งไว้ที่ 1 หมื่นล้านบาทจะใช้ในการเข้าซื้อกิจการและขยายกำลังการผลิตธุรกิจเดิม ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วจำนวน 400 เมกะวัตต์ และคาดว่าในปี 62 จะสามารถ COD ครบ 600 เมกะวัตต์

Back to top button