MFEC ไฟเขียวควบรวม 4 บริษัท “เครือซอฟต์สแควร์” เดินหน้าขยายธุรกิจ Big Data เต็มสูบ

MFEC ไฟเขียวควบรวม 4 บริษัท "เครือซอฟต์สแควร์" เดินหน้าขยายธุรกิจ Big Data เต็มสูบ


บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFEC เปิดเผย มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 5/2561 วันที่ 25 กันยายน 2561 ซึ่งมีมติอนุมัติให้ปรับโครงสร้างธุรกิจโดยควบรวมกลุ่มบริษัท ซอฟต์สแควร์ กรุ๊ป 4 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท ซอฟต์พลัส เทคโนโลยี จำกัด หรือ SPT , บริษัท เคซอฟต์ คอลซัลติ้ง จำกัด หรือ KK , บริษัท ซอฟต์โปรเฟสชันแนล จำกัด หรือ SP และบริษัท สามหมอก ซอฟต์แวร์ จำกัด หรือ SM ควบรวมกันในนาม”บริษัท ซอฟต์พลัส เทคโนโลยี จำกัด” และจะจดทะเบียนยกเลิก 3 บริษัท ได้แก่ KK, SP และ SM ภายในปี 2561 ต่อไป

ส่งผลให้ ภายหลังควบรวมโครงสร้างใหม่ MFEC ถือลงทุนกลุ่มบริษัท ซอฟต์สแควร์ ในสัดส่วน 99.99% ได้แก่ บริษัท ซอฟต์สแควร์ (1999) จำกัด หรือ SS , บริษัท ขอนแก่น ซอฟต์เทค จำกัด หรือ KK , บริษัท ฮ่องสอน ซอฟต์แวร์ จำกัด หรือ HS และบริษัท ซอฟต์พลัส เทคโนโลยี จำกัด หรือ SPT โดยวัตถุประสงค์เพื่อเอื้อประโยชน์ในการบริหารจัดการ และการปรับการให้บริการด้านผลิตภัณฑ์ของธุรกิจเพื่อการ เติบโตในอนาคตโดยมีแผนขยายและเติบโตในธุรกิจ Big Data

สำหรับทุนจดทะเบียนเดิม ได้แก่ SPT มูลค่า 5 ล้านบาท, SP มูลค่า 5 ล้านบาท, SM มูลค่า 3 ล้านบาท, KS มูลค่า 5 ล้านบาท ภายหลังควบรวมบริษัทส่งผลให้ทุนจดทะเบียนใหม่ SPT มีมูลค่า 18 ล้านบาท

ด้านความเห็นของคณะกรรมการบริษัท มีมติเห็นชอบและอนุมัติให้ดำเนินการควบรวมกิจการกลุ่มบริษัท ซอฟต์สแควร์ กรุ๊ป ทั้ง 4 บริษัทเข้าด้วยกัน อันจะทำให้ภายหลังการควบรวมบริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้น สอดรับกับการปรับเปลี่ยนธุรกิจโดย การเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ตามแนวโน้มเทคโนโลยีที่ตอบสนองกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในอนาคต ซึ่งเป็น ประโยชน์ต่อการเติบโตทางธุรกิจขององค์กรและบริษัทย่อยได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

อนี่ง รายการควบรวมกิจการของกลุ่มซอฟต์สแควร์ กรุ๊ป ไม่ใช่รายการที่เกี่ยวโยงกัน และไม่เข้าข่ายที่จะต้องรายงานสารสนเทศตามหลักเกณฑ์การได้มาและจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สินของบริษัท แต่เป็นการจัดโครงสร้างกลุ่มธุรกิจใหม่ ซึ่งภายหลัง การควบรวมเป็นผลให้บริษัท ซอฟต์พลัส เทคโนโลยี จำกัด ยังคงเป็นบริษัทย่อยของบริษัทจดทะเบียนเช่นเดิม

นอกจากนี้ บริษัทมีมติอนุมัติจำหน่ายหุ้นสามัญบางส่วน ซึ่งถือลงทุนใน บริษัท พระอินทร์ ฟินเทค จำกัด “PraIn FinTech” จำนวน 350,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 9.4595 % ของจำนวนหุ้นสามัญจดทะเบียนทั้งหมด (3,700,000 หุ้น) ในราคาหุ้นละ 30.00 บาท รวมเป็นเงิน 10,500,000 บาท ให้กับบริษัท เจเวนเจอร์ส จำกัด “JVenture” (“เป็นบริษัทในเครือของกลุ่มบริษัทเจมาร์ท”) ภายในสิ้นเดือนตุลาคม 2561 โดยภายหลังการทำรายการจำหน่ายหุ้นสามัญบางส่วน มีผลทำให้สัดส่วนการถือลงทุนใน บริษัท พระอินทร์ ฟินเทค จำกัดลดลงคงเหลือจำนวน 2,649,993 หุ้น หรือคิดเป็น 71.6214% ของจำนวนหุ้นสามัญจดทะเบียน ทั้งหมด ดังนั้น บริษัทพระอินทร์ ฟินเทค จำกัด ยังคงมีสถานะเป็น “บริษัทย่อย” ของบริษัท

ทั้งนี้ รายการดังกล่าวเข้าข่ายการทำรายการได้มาและจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์บริษัท จึงจัดทำข้อมูลสารสนเทศตามประกาศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อแจ้งต่อนักลงทุนและผู้ถือหุ้นรายย่อย

พร้อมกับแจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 4/2561 เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2561 มีมติแต่งตั้ง ดร.ชาญ ธาระวาส กรรมการอิสระ ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารความเสี่ยงและบรรษัทภิบาล แทน นายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร ซึ่งขอลาออกจากคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงและบรรษัทภิบาล มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา โดยมีรายนามคณะกรรมการ บริหารความเสี่ยงและบรรษัทภิบาล รวมทั้งสิ้น 4 ท่านประกอบด้วย ศ.ดร.อุทัย ตันละมัย ประธานคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงและบรรษัทภิบาล, รศ.ดร.กมเลศน์ สันติเวชชกุล กรรมการบริหารความเสี่ยงและบรรษัทภิบาล, นายธนกร ชาลี กรรมการบริหารความเสี่ยงและบรรษัทภิบาล และ ดร.ชาญ ธาระวาส กรรมการบริหารความเสี่ยงและบรรษัทภิบาล

 

Back to top button