“สมภพ” แจงชัด 4 ปมร้อนหุ้นน้องใหม่ SISB ย้ำธุรกิจโรงเรียนกำไรโตทุกปี!

“สมภพ” แจงชัด 4 ปมร้อนหุ้นน้องใหม่ SISB ย้ำธุรกิจโรงเรียนกำไรโตทุกปี! ชูธุรกิจความผันผวนต่ำ มีการเติบโตมั่นคงและมีกระแสเงินสดเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ


จากกรณี บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด มหาชน หรือ SISB ผู้ดำเนินธุรกิจด้านการศึกษานานกว่า 17 ปี ได้มีการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 260  ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยกำหนดราคาเสนอขายที่ระดับ 5.20 บาท และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 29 พ.ย.นี้ ในชื่อย่อ “SISB”

อย่างไรก็ตาม จากประเด็นดังกล่าว ส่งผลให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับราคาขาย IPO ที่ระดับ 5.20 บาท ซึ่งถ้าคิดเป็นราคา P/E จะอยู่สูงที่ระดับ 59 เท่า จึงเป็นการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการตั้งราคา IPO ที่ค่อนข้างสูงหรือไม่อย่างไร อีกทั้งยังมีข้อมูลระบุว่าจำนวนหุ้นที่ไม่ติดไซเลนต์ พีเรียด มีอยู่สูงที่ระดับ 166 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 17.71% ของหุ้นทั้งหมด จึงเป็นที่หน้าจับตาว่าจะเกิดปรากฎการณ์เทขายหุ้นออกมาตั้งแต่วันแรกที่เข้าซื้อขายหรือไม่

ล่าสุด นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน SISB เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” ออกอากาศทาง Facebook Live ข่าวหุ้นธุรกิจ และสถานีวิทยุกระจายเสียงกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) FM 102 MHz. เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่า

สำหรับราคาหุ้น IPO ที่ระดับ 5.20 บาท และมี P/E ที่ 59 เท่า เป็นการคำนวนจากผลการดำเนินงานของบริษัทย้อนหลัง 4 ไตรมาส โดยธุรกิจโรงเรียนเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้สม่ำเสมอ เนื่องจากมีจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นอยู่ตลอด ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ เนื่องจากจะมีการเติบโตอย่างมั่นคง

“ธุรกิจโรงเรียน เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำจากค่าแรกเข้า และค่าเทอม เรามีนักเรียนในปี 2558 อยู่ที่ 1,532 คน ขยับมาปี 2559 มีนักเรียน 1,705 คน ปี 2560 มีนักเรียน 2,061 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นมาตลอด และในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ มีนักเรียนจำนวน 2,334 คน ซึ่งเป็นการเติบโตในแง่ของจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ ธุรกิจโรงเรียนของเรายังรองรับนักเรียนมากขึ้น จากปี 2559 รองรับนักเรียนได้ 2,150 คน ถัดมาในปี 2560 มีการขยายเฟสเพิ่มสามารถรองรับนักเรียนได้ 3,120 คน ขณะที่ปี 2561 มีการขยายเฟสเพิ่มจนสามารถรองรับนักเรียนได้กว่า 4,175 คน” นายสมภพ กล่าว

นอกจากนี้ จากความกังวลว่าผู้ถือหุ้นใหญ่จะทำการเทขายหุ้นออกมาในวันแรกของการซื้อขายนั้น นายสมภพ ได้ย้ำความมั่นใจให้แก่นักลงทุน โดยระบุว่า ทางผู้ถือหุ้นใหญ่จะไม่ทำการเทขายหุ้นออกมาอย่างแน่นอน เนื่องจากได้ดำเนินธุรกิจมายาวนาน 17 ปี

ส่วนกรณีมูลค่าทางบัญชี (Book Value) ที่ออกมาต่ำนั้น นายสมภพชี้แจงว่า เนื่องจากบริษัทมีการปรับปรุงงบฯเพื่อรองรับมาตรฐานทางการบัญชีใหม่ที่จะใช้ในปี 2562 โดยงบฯที่ออกมานั้นเป็นงบฯเปรียบเทียบที่ออกมาเพื่อรองรับมาตรฐานทางบัญชีใหม่เท่านั้น ซึ่งมีการขี้แจงแล้วว่าเป็นงบฯเพื่อเปรียบเทียบในการยื่นไฟลิ่งต่อก.ล.ต.

สำหรับอีกกรณีที่เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์คือการนำเงินที่ได้จากระดมทุนครั้งนี้ไปใช้ในการชำระหนี้ ซึ่ง นายสมภพ ระบุว่า บริษัทจะได้เงินระดมทุนจากการขาย IPO ครั้งนี้ 1.3 พันล้านบาท โดยจะแบ่งสัดส่วนไปชำระหนี้ 600 ล้านบาท ซึ่งการชำระหนี้ดังกล่าวจะทำให้บริษัทประหยัดดอกเบี้ยประมาณ 30 ล้านบาท โดยจำนวนเงินดังกล่าวสามารถนำไปใช้พัฒนาธุรกิจได้ในอนาคต และทำให้กลายเป็นบริษัทที่ปลอดดอกเบี้ยทันที ขณะที่เงินในส่วนที่เหลืออีก 700 ล้านบาท บริษัทสามารถนำไปใช้ในการขยายธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่ง

อนึ่งผลการดำเนินงานของ SISB ในปี 58-60 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวมจำนวน 517.85 ล้านบาท จำนวน 608.58  ล้านบาท และจำนวน 746.35 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโต 17.52 % และ 22.64% โดยรายได้หลักของกลุ่มบริษัทฯ คือรายได้ค่าธรรมเนียมการศึกษา ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 90% ของรายได้รวม

โดยงวด 9 เดือนปี 2561 มีรายได้รวม 690.39 ล้านบาท เติบโตถึง 25.92% จากงวดเดียวกันของปีก่อน  ขณะที่มีผลกำไรสุทธิจำนวน 50.43 ล้านบาท จำนวน 69.83ล้านบาท และจำนวน 17.92  ล้านบาท (ผลจากการปรับงบ)  ในปี 2558-2560 ตามลำดับ  โดยงวด 9 เดือนปี 2561 กำไรเพิ่มเป็น 71.54 ล้านบาท  ในขณะที่ EBITDA มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจาก 90.63 ล้านบาท ในปี 2558เป็น 122.08 ล้านบาท ในปี 2559 และเป็น 149.33 ล้านบาท ในปี 2560 และเป็น 187.69 ล้านบาท ในงวด 9 เดือนปี 2561

Back to top button