CK บวกเกือบ 3% กูรูชูเป็น Top pick กลุ่ม เก็ง 2H58 เตรียมยื่นประมูลงานเพียบ

CK ณ เวลา 11.02 น. ราคาอยู่ที่ 27.75 บ. บวก 0.75 บ. หรือ 2.78% มูลค่าซื้อขาย 181.51 ลบ. โดยบล.เคเคเทรด แนะซื้อ ให้เป้า 31.20 บ. มองเป็น Top pick ของกลุ่ม มีประเด็นจากโอกาสการรับงานจากภาครัฐ-เอกชน รวมถึงการควบรวม BMCL-BECL ขณะที่บริษัทเพิ่มเป้ารายได้ปีนี้เป็น 4 หมื่นลบ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ CK ณ เวลา 11.02 น. ราคาอยู่ที่ 27.75 บาท บวก 0.75 บาท หรือ 2.78% สูงสุดที่ 27.75 บาท ต่ำสุดที่ 27 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 181.51 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมบวก 0.69%

บล.เคเคเทรด ระบุในบทวิเคราะห์ (24 มิ.ย.) ว่า CK ปรับเป้ารายได้ปี 2558 เพิ่มขึ้นเป็น 4 หมื่นล้านบาท จากความคาดหมายการได้รับงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 58 ขณะเดียวกันการทำงานจากงานในมือปัจจุบันที่มูลค่า 8.7 หมื่นล้านบาท ค่อนข้างดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว จากโครงการหลักเช่น รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และโครงการไซยะบุรี

อย่างไรก็ตาม ยังคงประมาณการแบบอนุรักษ์นิยม โดยยั้งคงประเมินรายได้ทั้งปีของ CK ทำได้ 3.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายใหม่ของบริษัท 10% โดยจะทบทวนประมาณการเมื่อเห็นการรับงานที่ชัดเจนจากภาครัฐ

ขณะที่ครึ่งปีหลังของปี 58 มีประเด็นบวกรออยู่จากแผนการเข้าประมูลงานระยะใกล้ของ CK มีการเข้าประมูลงาน 3 แห่ง คือ โครงการก่อสร้างอุโมงค์บึงหนองบอน มูลค่า 5.9 พันล้านบาท และโครงการก่อสร้างอาคารของการไฟฟ้านครหลวง มูลค่า 3.5 พันล้านบาท และงานวางสายไฟใต้ดิน มูลค่า 3 พันล้านบาท และงานอาคารแม่ฟ้าหลวง มูลค่า 1.5 พันล้านบาท

โดยมีงานภาครัฐที่มีความเป็นไปได้จะเห็นการประกวดราคา คือ งานรถไฟทางคู่ 1) คลอง 19-แก่งคอย มูลค่า 1.07 หมื่นล้านบาท 2) จิระ-ขอนแก่น มูลค่า 2.7 หมื่นล้านบาท 3) งานมอเตอร์เวย์พัทยา-มาบตาพุด มูลค่ารวม 1.4 หมื่นล้านบาท 4) งานรถไฟฟ้าสายสีส้มมูลค่า1.1 แสนล้านบาท โดยรวมมีมูลค่างานที่คาดเห็นการประมูลราว 1.3 แสนล้านบาท ทาง CK คาดหวังความสำเร็จจากงานประมูล 20-25% หรือประมาณ 2.6-3.5หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกันจะมีการเข้าซื้อขายในตลาดของBEM บริษัทรวมระหว่าง BMCL และ BECL ซึ่ง CK คาดเกิดขึ้นในเดือน ส.ค. ในราคา 4.50 บาท

ทั้งนี้ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 31.20 บาท/หุ้น โดยมองว่า CK ยังเป็น Top pick ของกลุ่ม โดยมีประเด็นบวกนอกเหนือจากโอกาสการรับงานจากภาครัฐและเอกชน รวมถึงการควบรวม BMCL และ BECL ทำให้มีศักยภาพในการรับงานมากขึ้น ขณะเดียวกันระยะสั้น ในไตรมาส 2/58 คาดกำไรเติบโตจากการขายไซยะบุรี ซึ่งทำไห้บริษัทมีบันทึกกำไรจากการขายดังกล่าวราว 1.3 พันล้านบาท นอกจากนั้นกำไรจากการดำเนินงานมีโอกาสดีขึ้นจากอัตรากำไรขันต้นที่จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติที่ 9-10% ขณะที่รายได้ทำได้ดีต่อเนื่อง

 

 

Back to top button