โบรกฯเชียร์ “ซื้อสะสม” WP เคาะเป้า 9.60 บ. ชี้กำไรปี 61 โตกระฉูด 136% ทะลุ 300 ลบ.

โบรกฯเชียร์ “ซื้อสะสม” WP เคาะเป้า 9.60 บ. ชี้กำไรปี 61 โตกระฉูด 136% ทะลุ 300 ลบ.


บริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จำกัด เผยแพร่บทวิเคราะห์คงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ WP โดยคาดว่า WP จะรายงานผลประกอบการไตรมาส 4/2561มีกำไรที่ระดับ 61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,389% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 31% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ที่ผ่านมา จากการบันทึกค่าใช้จ่ายที่ปรึกษาทางการเงินในการซื้อกิจการบริษัทไทยแก๊สส่วนที่เหลือทั้งหมด

ทั้งนี้คาดว่าค่าใช่จ่ายพิเศษดังกล่าวจะต่ำกว่าค่าใช้จ่ายพิเศษที่เกิดขึ้นในงวดไตรมาส 4/2560 อยู่ที่ราว 60 ล้านบาท ส่งผลให้งบการเงินพลิกมาเป็นกำไรจากขาดทุน

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีมุมมองเป็นบวก โดยประเมินกำไรสุทธิในปี 2561 น่าจะอยู่ที่ 311 ล้านบาท เติบโต 136% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

นอกจากนี้ยังมีมุมมองเป็นบวกจากแผนการลงทุนในอนาคต โดยบริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาการเข้าลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจ LPG ซึ่งเน้นการได้ประโยชน์ Synergy กับธุรกิจเดิม ซึ่งบริษัทฯ วางกรอบในการลงทุนประมาณ 2 โครงการ และน่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท

ทั้งนี้ โครงการลงทุนยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษา ซึ่งคาดว่าจะมีความคืบหน้ามากขึ้นในปีนี้ โดยฝ่ายวิจัยมองว่าด้วยขนาดเงินลงทุนระดับสูงน่าจะสร้างการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญให้กับบริษัทฯ ในระยะยาว

รวมทั้งที่ผ่านมา WP ได้ชี้แจงความคืบหน้าในการเปิดประมูลขายที่ดินย่านบางคอแหลมและได้ผู้ชนะการประมูลแล้ว ซึ่งฝ่ายวิจัยคาดว่าจะมีการโอนที่ดินและรับรู้กำไรพิเศษเข้ามาในช่วงครึ่งแรกของปี 62 และขึ้นอยู่กับช่วงเวลาการโอนของคู่สัญญา ดังนั้นทางฝ่ายวิจัยยังมีมุมมองเชิงบวกต่อการขายสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้ทำธุรกิจ เพื่อนำเงินมาเป็นเงินทุนในการขยายงานต่อไป

เบื้องต้นยังคงประเมินกำไรพิเศษที่จะบันทึกมาในงบกำไรขาดทุนระดับมากกว่า 56 ล้านบาท หรือคิดเป็น Upside จากประมาณการปี 62 อยู่ที่ 332 ล้านบาท หรือมีสัดส่วนมากกว่า 16% ของประมาณการกำไร

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยได้ประเมินราคาที่เหมาะสมของหุ้น WP ในปี 2562 อยู่ที่ 9.60 บาท อิงพีอีเรโช 15 เท่า  ซึ่งยังคงชอบ WP จากแนวทางการเติบโตด้วยการลงทุนต่อเนื่อง และมีเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นในระดับสูงถึง 1 พันล้านบาท นอกจากนี้ยังคาดว่าหลังจากรายงานผลประกอบการในงวด 4/2561 จะทำให้แนวโน้มค่าพีอีลดลงเหลือ 8.66 เท่า จึงมองว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจในการเข้าซื้อสะสม

Back to top button