“บล.คิงส์ฟอร์ด” ปักธงปี 62 ดันมาร์เกตแชร์แตะ 6% รับแผนปรับกลยุทธ์ฝ่ากระแสยุคดิจิทัล

"บล.คิงส์ฟอร์ด” ปักธงปี 62 ดันมาร์เกตแชร์แตะ 6% รับแผนปรับกลยุทธ์ฝ่ากระแสยุคดิจิทัล


ม.ร.ว.จิราคม กิติยากร ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) หรือ KFS เปิดเผยว่า ในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2562 ที่ผ่านมา ผู้ถือหุ้นได้มีมติเห็นชอบเปลี่ยนชื่อบริษัท จาก แอพเพิล เวลธ์ เป็น “คิงส์ฟอร์ด” และมีการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ 3 ส่วน

ประกอบด้วย 1.) การปรับคณะกรรมการบริษัท โดยได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิและมีประสบการณ์เข้ามานั่งในคณะกรรมการ 2.) การปรับคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ตั้งทีมคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ นำทัพโดย วรากรณ์ กุนทีกาญจน์ และประจวบ ศิริรัตน์บุญขจร นั่งแท่นซีอีโอ ผนึกกำลังขับเคลื่อนองค์กร 3.) การปรับโฉมธุรกิจด้วยแนวคิดดิจิตัลตั้งเป้าเป็นโบรกเกอร์ชั้นนำ โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย มั่นใจว่าการปรับปรุงโครงสร้างองค์กรในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานขององค์กร ทำให้ บล. คิงส์ฟอร์ด  ไปถึงจุดหมายที่ตั้งไว้ ภายใต้ระบบการกำกับดูแลตามหลักบรรษัทภิบาลของคณะกรรมการบริษัท

ด้านนายวรากรณ์ กุนทีกาญจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้ปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ ซึ่งมีผู้บริหารชุดเดิมและชุดใหม่ผนึกกำลังกัน เพื่อเข้ามาบริหารงาน โดยมีนายประจวบ ศิริรัตน์บุญขจร เข้ารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม เพื่อเป็นผู้นำร่วมกันช่วยผลักดันองค์กรให้เติบโตได้ อย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้รับทีมการตลาดที่มีความสามารถเข้ามาเพิ่มเติม และทำงานร่วมกับพนักงานชุดเดิม ซึ่งจะส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนเป็น 6% ภายในปีนี้ รวมทั้งจะช่วยผลักดันให้รายได้จาก  ค่านายหน้าในการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทเติบโตมากขึ้น นอกจากนี้บริษัทมีแผนในการพัฒนานวัตกรรมการลงทุนโดยใช้เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำทันสมัย แนวคิดใหม่ๆ และพัฒนาระบบงานที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ด้านนายประจวบ ศิริรัตน์บุญขจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม กล่าวถึง แผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ไว้ว่า“ในปีนี้เชื่อว่าบริษัทจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ดังจะเห็นได้จากมาร์เกตแชร์ที่เพิ่มขึ้น เป็นผลให้บริษัทมีรายได้ค่าคอมมิชชั่นที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังจะรุกไปในธุรกิจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจให้ยืม และยืมหุ้น หรือเอสบีแอล รวมถึงธุรกรรมบล็อกเทรด

รวมทั้งงานด้านธุรกิจวาณิชธนกิจ หรือที่ปรึกษาทางการเงินธุรกิจหลักทรัพย์ ตราสารหนี้ ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ICO ซึ่งบริษัทมีความเชื่อว่า จะสามารถพัฒนาให้เป็นโบรกเกอร์ที่มีความทันสมัยโดดเด่น และสามารถฝ่าฟันกับกระแสยุคดิจิทัลไปได้เป็นอย่างดี”

นอกจากนี้ บริษัทคิงส์ฟอร์ด โฮลดิ้ง ซึ่งมีฐานะเป็นบริษัทแม่ มีแผนที่จะทำธุรกิจต่างๆเพิ่มเติมเพื่อขยายฐานรายได้จากการประกอบธุรกิจต่างๆ จากแผนธุรกิจดังกล่าวจึงเห็นว่าบริษัทควรจะดำเนินการปรับภาพลักษณ์ เพื่อให้เห็นถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ของกลุ่มบริษัทที่มีแนวโน้มการเติบโตขึ้น และแตกต่างจากการดำเนินธุรกิจที่ผ่านมา ตลอดจนสร้างความทันสมัย ซึ่งจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและเป็นที่สนใจของนักลงทุน

Back to top button