GULF เซ็น PPA “วินด์ฟาร์มเวียดนาม” ขนาด 30 MW ลุยขายไฟยาว 20 ปี

GULF เซ็น PPA “วินด์ฟาร์มเวียดนาม” ขนาด 30 MW ลุยขายไฟยาว 20 ปี


บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า Mekong Wind Power Joint Stock Company ซึ่งบริษัทถือหุ้นทางอ้อมผ่าน Gulf International Holding Pte. Ltd. อยู่ 95% เป็นผู้ดำเนินโครงการ Mekong ซึ่งประกอบด้วยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาดประมาณ 30 เมกะวัตต์ (MW)

รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล (Offshore Wind Farm) ขนาดประมาณ 310 เมกะวัตต์ โดยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล ระยะที่ 1 ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งประมาณ 30 เมกะวัตต์ ได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับการไฟฟ้าเวียดนาม (Vietnam Electricity) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา โดยสัญญาซื้อขายไฟฟ้ามีอายุ 20 ปี และมีกำหนดอัตรารับซื้อไฟฟ้าเทียบเท่าประมาณ 9.80 เซนต์สหรัฐต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง

ทั้งนี้ โครงการ Mekong ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม ในตำบล Binh Dai จังหวัด Ben Tre โดยโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาดประมาณ 310 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เป็นระยะ ๆ ระยะที่ 1 ขนาดประมาณ 30 เมกะวัตต์ มีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2564 ระยะที่ 2 ขนาดประมาณ 49 เมกะวัตต์ กำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2564 และระยะที่ 3 ขนาดประมาณ 231 เมกะวัตต์ กำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ระหว่างปี 2565 ถึง 2566

ทั้งนี้ ภายหลังจากลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้ว โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล ระยะที่ 1 จะเริ่มก่อสร้างภายในไตรมาส 3/62  สำหรับโครงการ Mekong ในส่วนอื่นๆ นั้น มีความความคืบหน้าเป็นไปตามแผนงานที่ได้วางไว้

นอกจากนี้ ตามที่หนังสือพิมพ์บางฉบับของประเทศเวียดนามได้รายงานข่าวเกี่ยวกับข้อจำกัดของระบบสายส่งในพื้นที่เวียดนามตอนกลาง ในจังหวัด Ninh Thuan จังหวัด Binh Thuan จังหวัด Khanh Hoa จังหวัด Dak Nong และจังหวัด Dak Lak ที่ระบบสายส่งไม่สามารถรองรับปริมาณพลังงานไฟฟ้าที่จ่ายจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในเดือนมิถุนายน 2562 ได้ทั้งหมด

โดยมีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และโรงไฟฟ้าพลังงานลมหลายโครงการในจังหวัด Ninh Thaun และ Binh Thaun ได้รับคำสั่งจากศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าแห่งประเทศเวียดนามให้ลดปริมาณการจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าระบบลง ซึ่งบางโครงการต้องลดปริมาณการจ่ายกระแสไฟฟ้าลงสูงสุดถึง 65% นั้น

อย่างไรก็ตาม บริษัทขอเรียนว่าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ TTCIZ-01 ขนาด 68.8 เมกะวัตต์ และ TTCIZ-02 ขนาด 50.0 เมกะวัตต์ ที่บริษัทได้ถือหุ้นทางอ้อมอยู่ 49% และ 90% ตามลำดับ และได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วในเดือนมีนาคม และ เมษายน 2562 ที่ผ่านมานั้น ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม Thanh Thanh Cong จังหวัด Tay Ninh ในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศเวียดนาม ห่างจากนคร Ho Chi Minh ประมาณ 50 กิโลเมตร ซึ่งไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่มีปัญหาระบบสายส่งจึงไม่ได้รับผลกระทบตามข่าวดังกล่าวแต่อย่างใด

ทั้งนี้ นับตั้งแต่เริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เป็นต้นมา โครงการโรงไฟฟ้า TTCIZ-01 และ TTCIZ-02 มีความพร้อมจ่ายไฟฟ้าสูงประมาณ 98% ถึง 100% ของกำลังการผลิตติดตั้ง สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าเข้าระบบตามปริมาณที่ผลิตได้ทั้งหมด

Back to top button