สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 6 ส.ค. 2562

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 6 ส.ค. 2562


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (6 ส.ค.) หลังจากจีนได้ออกมาเคลื่อนไหวในเชิงบวกด้วยการสร้างเสถียรภาพเงินหยวน ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการที่จีนจะใช้หยวนเป็นเครื่องมือในการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังคงเปิดกว้างในการทำข้อตกลงการค้ากับจีน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,029.52 จุด พุ่งขึ้น 311.78 จุด หรือ +1.21% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,881.77 จุด เพิ่มขึ้น 37.03 จุด หรือ +1.30% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,833.27 จุด พุ่งขึ้น 107.23 จุด หรือ +1.39%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (6 ส.ค.) โดยยังคงถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดของเยอรมนี และการที่ทางการจีนดำเนินการเพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงินหยวนนั้น ได้ช่วยหนุนตลาดในระยะสั้นๆ

ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.47% ปิดที่ 367.71 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,234.65 จุด ลดลง 6.89 จุด หรือ -0.13% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,567.96 จุด ลดลง 90.55 จุด หรือ -0.78% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,171.69 จุด ลดลง 52.16 จุด หรือ -0.72%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (6 ส.ค.) เป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน โดยถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ขณะที่การร่วงลงของหุ้นโรลส์-รอยซ์หลังเปิดเผยผลประกอบการที่ย่ำแย่นั้น ถ่วงตลาดลงด้วย

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,171.69 จุด ลดลง 52.16 จุด หรือ -0.72%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (6 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมัน ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 1.06 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 53.63 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 87 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 58.94 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (6 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน อย่างไรก็ดี การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สกัดแรงบวกของทองคำ เนื่องจากทำให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 7.70 ดอลลาร์ หรือ 0.52% ปิดที่ 1,484.20 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 5.2 เซนต์ หรือ 0.32% ปิดที่ 16.445 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 4.70 ดอลลาร์ หรือ 0.55% ปิดที่ 853.20 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 20.70 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 1,437 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 ส.ค.) ขานรับธนาคารกลางจีนที่ออกมายืนยันว่า จีนจะไม่ใช้เงินหยวนเป็นเครื่องมือในการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนก.ค.

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 106.53 เยน จากระดับ 106.03 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9768 ฟรังก์ จากระดับ 0.9736 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3279 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3217 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1200 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1202 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2152 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2141 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6756 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6760 ดอลลาร์สหรัฐ

X
X
Back to top button