
วิตกศก.โลกชะลอตัวกดดาวโจนส์ปิดวันศุกร์ร่วง 163 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (24 ก.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 163.39 จุด หรือ 0.92% ปิดวันศุกร์ (24 ก.ค.) ที่ 17,568.53 จุด, ดัชนี S&P 500 ลดลง 22.50 จุด หรือ 1.07% ปิดที่ 2,079.65 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 57.78 จุด หรือ 1.12% ปิดที่ 5,088.63 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลงหลังผลสำรวจของมาร์กิต อิโคโนมิคส์ บ่งชี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซนในเดือนก.ค.ปรับลงแตะ 53.7 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จาก 54.2 ในเดือนมิ.ย.
สำหรับดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นในเดือนก.ค.ขยับลงแตะ 52.2 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 52.5 ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นเดือนก.ค.ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 53.8 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 2 เดือน เมื่อเทียบกับระดับ 54.4 ในเดือนมิ.ย. ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นในยุโรปได้ปรับตัวลดลงอย่างมากเมื่อคืนนี้อันเนื่องมาจากสัญญาณการชะลอตัวลงของอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายที่ระบุว่าว่า ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐดิ่งลงในเดือนมิ.ย. แตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะชะงักงันในการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ ทั้งนี้ กระทรวงระบุว่า ยอดขายบ้านใหม่ลดลง 6.8% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 482,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2014
หุ้นไบโอเจน อิงค์ ลดลง 22% หลังบริษัทปรับลดประมาณการรายได้ในปี 2558 ลง, หุ้นอเมซอนพุ่งขึ้น 20% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลังจากบริษัทร้านค้าปลีกออนไลน์ยักษ์ใหญ่เปิดเผยผลประกอบการที่มีกำไรอย่างเหนือความคาดหมาย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า บริษัทมีความสามารถทำกำไรถึงแม้ว่าจะไม่มีการลงทุนเพิ่ม ส่วนหุ้นสตาร์บัค คอร์ป เพิ่มขึ้น 1.3% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลังเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาสที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์