“พาณิชย์” ชงครม.ขึ้นทะเบียนสินค้าควบคุม “หน้ากากอนามัย-เจลล้างมือ” ลุ้นบังคับใช้พรุ่งนี้

“กระทรวงพาณิชย์” จ่อชง ครม.ขึ้นทะเบียนสินค้าควบคุม “หน้ากากอนามัย-เจลล้างมือแอลกอฮอลล์” ลุ้นพรุ่งนี้ (4 ก.พ.63) บังคับใช้ทันที!


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ว่า ที่ประชุมมีมติกำหนดให้หน้ากากอนามัย รวมทั้งวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต และ เจลล้างมือที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เป็นสินค้าควบคุมราคา โดยจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในวันพรุ่งนี้ ( 4 ก.พ.63) และหากอนุมัติก็จะออกประกาศให้มีผลบังคับใช้ทันที

โดยการประกาศให้หน้ากากอนามัย-วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต และเจลล้างมือที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เป็นสินค้าควบคุม จะทำให้กระทรวงพาณิชย์สามารถออกมาตรการเพื่อกำกับดูแลทางการค้าได้ เช่น อาจจะมีการกำหนดให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ตัวแทนจำหน่าย ต้องแจ้งข้อมูลต้นทุน ราคาซื้อขายให้ชัดเจน ส่วนการส่งออกนั้นอาจจะมีการออกมาตรการตามมา เช่น การกำหนดปริมาณการส่งออกหรือการขออนุญาตส่งออก

ทั้งนี้ ภายหลังการเพิ่มหน้ากากอนามัย-วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต และเจลล้างมือ เป็นสินค้าควบคุม จะทำให้บัญชีสินค้าและบริการควบคุมเพิ่มเป็น 54 รายการ จากเดิม 52 รายการ

นายจุรินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการค้าภายในได้เชิญผู้ผลิตมาพบแล้วหนึ่งครั้งก่อนหน้านี้ และช่วงบ่ายวันนี้ ( 3 ก.พ.) ก็จะพบกับผู้ผลิตและผู้เกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่งเพื่อกำหนดมาตรการร่วมกัน เนื่องจากปรากฏว่าในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเกิดภาวะที่อาจทำให้ผู้บริโภคเกรงว่าจำนวนหน้ากากอนามัยหรือเจลล้างมือจะไม่เพียงพอกับความต้องการ จึงเป็นที่มาว่าคนแห่ไปซื้อไปเก็บไว้เกินความจำเป็นในบางพื้นที่ จนเกิดการขาดแคนสินค้าเป็นจุดๆ ในบางพื้นที่ บางจังหวัด

รวมทั้งอาจจะมีการนำออกไปนอกประเทศมากกว่าช่วงปกติ จนทำให้ปริมาณสินค้าในประเทศไม่พอใช้ จึงเป็นที่มาที่จะต้องกำหนดให้สินค้าทั้ง 2 ประเภทเป็นสินค้าควบคุม เพื่อให้วอร์รูมของกระทรวงพาณิชย์ใช้มาตรการต่างๆ มาแก้ปัญหาดังกล่าวให้ผู้บริโภคได้มีสินค้าใช้ได้อย่างทั่วถึงในเวลาที่รวดเร็วที่สุด

อย่างไรก็ตาม เท่าที่กรมการค้าภายในได้ติดตามสถานการณ์เมื่อเกิดกรณีไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แพร่ระบาดขึ้นมา ก็ได้ประเมินตัวเลขว่าอาจจะมีความต้องการใช้หน้ากากอนามัยและเจลล้างมือเพิ่มเติมขึ้นจำนวนหนึ่ง โดยประเมินความต้องการใช้เพิ่มเป็น 40-50 ล้านชิ้น จากเดิมในภาวะปกติมีปริมาณการใช้หน้ากากอนามัยเดือนละ 30 ล้านชิ้น จึงเป็นที่มาที่จำเป็นจะต้องประสานงานเร่งให้มีการผลิตเพิ่มขึ้นโดยเร็วเพื่อให้สนองกับความต้องการ

ด้านนายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ไม่น่าจะเกินวันที่ 4 ก.พ.ประกาศฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ ซึ่งผู้ค้าปลีกหลายรายให้ความร่วมมือนำมาวางขายเพิ่มขึ้นแล้ว โดยการจัดสรรจะลงไปอย่างถี่ถ้วนและกว้างขวางมากขึ้น ถัดจากนี้ไปตั้งแต่ 500 ชิ้นหรือ 10 กล่องขึ้นไปต้องขออนุญาตเคลื่อนย้ายและอาจจะจำกัดการซื้อว่าครั้งหนึ่งซื้อได้ไม่เกินกี่ชิ้น หากใครซื้อมากเกินไปและนำออกนอกประเทศก็จะถูกจำกัดด้วยปริมาณ โดยจะประสานกับกรมศุลกากรช่วยจำกัดการส่งออกให้ได้ผลมากขึ้น

Back to top button