CKP เผยมีสัญญาขายไฟระยะยาว-มั่นใจผลการดำเนินงานมั่นคงแม้ศก.ชะลอ

นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์  กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP เปิดเผยว่า บริษัทมีความมั่นใจต่อผลการดำเนินงานของบริษัทว่ามีความมั่นคงและยั่งยืน แม้ว่าขณะนี้เศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและทั่วโลกยังคงชะลอตัว  แต่เนื่องจากทุกโครงการที่บริษัทเปิดดำเนินการอยู่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวรองรับ

ขณะเดียวกันบริษัทยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 2 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้า บางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น โครงการ 2 (BIC-2) ขนาดกำลังการผลิต 120 เมกะวัตต์ ที่เริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา และมีความคืบหน้าการก่อสร้างเป็นไปตามแผน

โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์กลางปี 2560 ซึ่ง โครงการ BIC-2 จะสร้างรายได้ให้ CKP ปีละประมาณ 3,000 ล้านบาท และ โครงการไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี ในลาว ซึ่งบริษัทได้เข้าซื้อจากบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เมื่อเดือนมิถุนายน 2558 และขณะนี้ดำเนินการก่อสร้างได้แล้วเสร็จเกือบ 50% โดยโครงการดังกล่าวมีกำลังการผลิต 1,285 เมกะวัตต์ และจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ปลายปี 2562 และจะสร้างรายได้ถึงปีละกว่า 15,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ เมื่อโครงการทั้งสองเริ่มขายไฟฟ้า จะทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าของบริษัทและบริษัทในเครือเพิ่มจาก 755 เมกะวัตต์ เป็น 2,160 เมกะวัตต์ และจากการเพิ่มทุนของบริษัทเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้ CKP มีความพร้อมด้านการเงินมากยิ่งขึ้น และแม้ CKP จะเพิ่ง IPO ได้เพียง 2 ปี บริษัทก็ได้รับการคัดเลือกเป็นหลักทรัพย์ที่ถูกนำเข้ามาคำนวณในดัชนี SET100 ในช่วงครึ่งหลังของปี 2558