“นายกฯ” วอนอย่าเร่งรัด เคาะหยุดชดเชยสงกรานต์ ขอประเมินผ่อนปรน เฟส 3-4 ก่อน

"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรี วอนอย่าเร่งรัด เคาะวันหยุดชดเชยสงกรานต์ ขอประเมินมาตรการผ่อนปรน เฟส 3-4 ก่อน


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการพิจารณาชดเชยวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ว่า ขออย่าเพิ่งถามเรื่องนี้ในขณะนี้ เพราะช่วงนี้ต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 3 ซึ่งได้กำชับให้ฝ่ายความมั่นคง ท้องถิ่น และสาธารณสุข ไปดูความคืบหน้าภายหลังมีมาตรการผ่อนปรน เพื่อเตรียมการไปสู่ระยะที่ 4 ต่อไปในอนาคต

โดยพล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ต้องยอมรับขีดความสามารถด้านสาธารณสุขของไทยได้ช่วยดูแลอย่างเต็มที่ ทุกคนเสียสละเวลาทำงาน ทั้งบุคคลากรทางการแพทย์ และขณะเดียวกันต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคประชาชนด้วย ทั้งนี้ รัฐบาลได้ผ่อนผันมาตรการต่างๆ เพราะเห็นความสำคัญด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งทุกคนต้องช่วยกันดูแลตัวเองด้วย เพราะหากเกิดการกลับมาแพร่ระบาดอีกครั้งจะเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ

“ขอเตือนคนที่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบ เพราะถือว่าจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วย ขอว่าอย่ารักแต่ความสนุกสนาน ความสะดวกสบายของตัวเอง ต้องรักคนอื่นด้วย และประเทศต้องรวมกันเป็นหนึ่งให้ได้” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ

ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อใน 7 วันที่ผ่านมาลดน้อยลงมาก และพบเฉพาะผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศและอยู่ในสถานที่กักกันของรัฐ (State Quarantine) นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถือเป็นสิ่งที่น่ายินดี แสดงว่ามาตรการต่างๆ ที่ทำมาได้ผล ไม่มีการแพร่ระบาดในพื้นที่อื่นๆ ซึ่งคนที่เข้าไปอยู่ในสถานกักกันของรัฐ อาจไม่ได้รับความสะดวกสบาย แต่ก็เป็นมาตรการที่จำเป็นต้องทำ

สำหรับความก้าวหน้าด้านวัคซีนต้านไวรัสโควิด ก็มีความก้าวหน้าตามลำดับ และได้ปรึกษาร่วมมือกับต่างประเทศ ซึ่งไทยถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีขีดความสามารถ และน่าจะมีส่วนช่วยในการแก้ปัญหาร่วมกันได้ อย่างไรก็ดี อย่าเพิ่งรีบยินดีกับความสำเร็จมากนัก เพราะทุกอย่างยังอยู่ในกระบวนการทั้งสิ้น

ส่วนกรณีที่รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมอนุญาตให้คนไทยเข้าประเทศได้ ในทางกลับกันรัฐบาลไทยจะอนุญาตให้คนญี่ปุ่นเข้ามาประเทศไทยได้หรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่น่ายินดี แต่คงต้องดูมาตรการที่เหมาะสมก่อน และต้องมีการหารือกันทั้งสองฝ่าย

อย่างไรก็ตาม เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น การท่องเที่ยวก็จะเปิดมากขึ้นในลักษณะประเทศต่อประเทศ และต้องเป็นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ควบคุมได้ มีมาตรการเป็นขั้นเป็นตอน ไม่ใช่การเปิดเสรีแล้วอลหม่านไปหมด ไม่เช่นนั้นก็จะกลับเข้ามาสู่จุดเดิม ส่งผลเสียต่อทั้งประเทศต้นทางและประเทศปลายทาง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมไว้ก่อน

ทั้งนี้ ที่ประชุม ครม. วันนี้ ยังไม่ได้มีการพิจารณาเรื่องการเปิดน่านฟ้า โดยจะต้องหาข้อมูลจากหลายส่วนมาร่วมกันประเมิน กับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน

Back to top button