10 วิสาหกิจฯ ยื่นหนังสือ “วิษณุ” เร่งรัดเดินหน้า รฟฟ.ชุมชน เสริมสภาพคล่อง ศก.ฐานราก

10 วิสาหกิจชุมชน ยื่นหนังสือถึง “วิษณุ” รักษาราชการแทน รมว.พลังงาน เร่งรัดเดินหน้า รฟฟ.ชุมชน ต่อ เสริมสภาพคล่อง เศรษฐกิจฐานราก


ประธานวิสาหกิจชุมชน รวม 10 แห่ง จากภาคตะวันออก และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้เดินทางยื่นหนังสือต่อตัวแทนของ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ผู้รักษาราชการแทน รมว.พลังงาน ที่กระทรวงพลังงาน เพื่อขอให้ช่วยเร่งรัดโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (Energy for all) โดยเร็ว

เนื่องจากโครงการนี้มีประโยชน์อย่างแท้จริง และ จับต้องได้ สำหรับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ตั้งแต่ผู้ลงทุนสร้างโรงไฟฟ้า, เกษตรกรผู้ปลูกพืชพลังงาน, ผู้ดำเนินการตัดและนำส่งพืชพลังงานถึงโรงไฟฟ้า, กองทุนหมู่บ้าน และ วิสาหกิจชุมชน ที่จะได้รับส่วนแบ่งจากการขายไฟฟ้าในโครงการฯ อย่างยั่งยืน โดยไม่จำเป็นจะต้องพึ่งพางบประมาณจากราชการเลย ซึ่งประเมินขั้นต่ำราว 120 ล้านบาทสำหรับโครงการขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าขนาด 3 เมกะวัตต์ ในช่วงระยะเวลาสัญญาขายไฟ 20 ปี (หรือ 500,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 20 ปี)

โดยม.ร.ว.วรากร วรวรรณ ในฐานะประธานที่ปรึกษาวิสาหกิจชุมชน กลุ่มรักษ์ช้างรักษาป่าตะวันออก (ปม.) กล่าวว่า วิสาหกิจนี้เป็นการรวมตัวจากเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากช้างป่าและคนชั้นกลางที่มีใจอยากจะช่วยแก้ปัญหา มีปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินในการเป็นทุนหมุนเวียนเพื่อความก้าวหน้าในเรื่องการแปรรูปสมุนไพรเชิงพาณิชย์ การมีหุ้นส่วนในโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก เป็นโอกาสอย่างยิ่งในการทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น และมีทุนหมุนเวียนพร้อมการลงทุนในส่วนที่เกี่ยวข้องจนสามารถทำให้วิสาหกิจชุมชนกลุ่มรักษ์ช้างฯดำเนินธุรกิจเพื่อสังคมได้อย่างเข้มแข็งยั่งยืนได้ในอนาคตอันใกล้นี้

ม.ร.ว.วรากร กล่าวว่า การมายื่นหนังสือในวันนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองหรือสนับสนุนว่าที่รมว.พลังงานคนไหน เพียงแต่มีตวามต้องการจะให้โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเดินหน้าต่อไปตามแผนที่ รมว.พลังงานคนที่แล้วได้วางไว้

“แม้โครงการนี้เกิดขึ้น และ พวกเราไม่ได้รับการคัดเลือกก็จะไม่เสียใจเลยครับ เราขอให้มีโอกาสได้เข้าแข่งขันเท่านั้น” ม.ร.ว. วรากร กล่าว

ด้านนางนฤชล พฤกษา ประธานวิสาหกิจชุมชน กลุ่มผู้เลี้ยงโคขุนสร้างอาชีพตลาดไทร จังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า อำเภอชุมพวง เป็นอำเภอที่ค่อนข้างแห้งแล้ง แต่ก็ยังประสงค์จะเข้าร่วมโครงการนี้  ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนา ทำไร่มันสำปะหลัง และทำไร่อ้อย ขาดทุนจากการประกอบอาชีพซ้ำซาก มีความหวังที่จะมีรายได้เพิ่มจากการปลูกหญ้าเนเปียร์เพื่อจำหน่ายแก่โรงไฟฟ้าชุมชน มีการรวมกลุ่มวิสาหกิจชุมชน 290 คน และได้ประสานงานกับภาคีเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเลี้ยงโคเนื้อบ้านหนองคู่ อำเภอลำทะเมนชัย จังหวัดนครราชสีมา ที่อยู่ใกล้เคียง มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้การปลูกหญ้า และ ร่วมกันส่งหญ้าเพื่อสร้างมั่นใจกับโรงไฟฟ้าที่จะมาตั้งในอนาคต

Back to top button