ทำความรู้จัก SAK ไอพีโอน้องใหม่ ก่อนลุยเทรด 8 ธ.ค.นี้

ทำความรู้จัก SAK ไอพีโอน้องใหม่ ก่อนลุยเทรด 8 ธ.ค.นี้


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจและรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SAK ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนน้องใหม่ที่จะทำการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ในกลุ่มธุรกิจการเงิน หมวดธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ และมีกำหนดเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 8 ธ.ค.2563 ที่จะถึงนี้

โดย SAK เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ โดยส่วนใหญ่ให้บริการสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันและให้บริการสินเชื่ออื่นภายใต้ชื่อ “สินเชื่อศักดิ์สยาม” มีสาขากระจายครอบคลุมทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันตก

ทั้งนี้จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป จำนวนไม่เกิน 546,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 26 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นครั้งนี้ และกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ 3.70 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น(P/E ratio) ที่ระดับ 15.40 เท่า เทียบกับบริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจที่ใกล้เคียงกันที่ 20.1-26.0 เท่า

โดยมีบล.ธนชาต เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 6 ราย ประกอบด้วย บล.บัวหลวง จํากัด (มหาชน), บล.กสิกรไทย จำกัด (มหาชน), บล.กรุงไทย ซิมิโก้ จำกัด, บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน), บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด และบล.ฟิลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

สำหรับวัตถุประสงค์การระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้ไปขยายการให้สินเชื่อและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ จำนวน 1,550 ล้านบาท ภายในปี 2564 – 2565, ชำระคืนเงินกู้บางส่วนจากสถาบันการเงิน จำนวน 300 ล้านบาท ภายในปี 2563 – 2564 และพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อปรับปรุงระบบให้บริการสินเชื่อจำนวน 100 ล้านบาท ภายในปี 2564 – 2565

ทั้งนี้ SAK รายงานผลการดำเนินงานสำหรับงวดประจำปี 2562 มีกำไรสุทธิ 345.95 ล้านบาท ส่วนงวดไตรมาส 3/63 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2563 มีกำไรสุทธิ 156.1 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 89.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66.5 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 74.2 เป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายสำหรับงวดไตรมาส 3/63 มีจำนวน 203.7 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 320.8 ล้านบาท ลดลงจำนวน 117.1 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 36.5 เนื่องจากไม่มีผลขาดทุนจากการปิดสัญญาในปี 2563

ส่วนผลการดำเนินงานสำหรับงวด 9 เดือนแรกปี 2563 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2563 มีกำไรสุทธิ 408.8 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 264 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 144.8 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 54.8 เป็นผลมาจากรายได้รวมมีจำอนวน 1,216 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนจำอนวน 1,172.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำอนวน 43.1 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3.7 สาเหตุหลักมาจากการขยายธุรกิจ โดยการเปิดสาขาเพิ่มขึ้นจำอนวน 68 สาขาในปี 2562และ 78 สาขาในงวดเก้าเดือนของปี 2563 ประกอบกับจำอนวนฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และมีลูกหนี้เงินให้สินเชื่อเฉลี่ยต่อสัญญาที่เพิ่มขึ้น

รวมทั้งมีค่าใช้จ่ายรวมมีจำอนวน 707.3 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 845.4 ล้านบาท ลดลงจำนวน 138.1 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 16.3 เนื่องจากในปี 2563 ไม่มีผลขาดทุนจากการปิดสัญญา

Back to top button