K เชื่อปี 64 พลิกกำไร โชว์ Backlog กว่า 574 ลบ.-จ่อเข้าประมูลงานครึ่งปีหลัง

K คาดการณ์ว่าผลประกอบการปีนี้จะสามารถพลิกเป็นกำไรได้ หลังตุน Backlog กว่า 574 ลบ.-จ่อเข้าประมูลงานครึ่งปีหลัง


นายชยวัฒน์ พิเศษสิทธิ์ ประธานกรรมการ บริษัท คิงส์เมน ซี.เอ็ม.ที.ไอ. จำกัด (มหาชน) หรือ K เปิดเผยว่า บริษัทยังตั้งเป้าพลิกกลับมามีกำไรในปี 64 ถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 ส่งผลให้การจัดงานแสดงสินค้าและนิทรรศการต่างๆ ถูกยกเลิก ลดสเกลงาน และถูกเลื่อนออกไปตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 1/64 ต่อเนื่องมาจนถึงไตรมาส 2/64 นี้ จึงคาดว่ารายได้ในไตรมาสนี้อาจจะลดลง และงานต่างๆ อาจจะถูกเลื่อนไปถึงไตรมาส 3-4/64

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีงานในมือ (Backlog) ที่ 574.5 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 2/64 นี้ราว 30-40% และจะทยอยรับรู้รายได้ทั้งหมดในปีนี้ แบ่งเป็นจากธุรกิจตกแต่งภายใน (Interiors หรือ INT) 435.5 ล้านบาท และจากธุรกิจงานแสดงสินค้าและนิทรรศการ พิพิธภัณฑ์และสวนสนุก การตลาดอื่นๆ (Exhibitions & Events, Thematic & Museums, Alternative Marketing หรือ EMA) อีก 139 ล้านบาท

สำหรับ Backlog มีสัดส่วนมาจากงานตกแต่งโรงแรม (Hospitality) 61%, งานนิทรรศการ (Exhibition) 19%, งานพื้นที่สาธารณะ (Public Area) 9%, งานสาขาร้านแบรนด์เนม (Retail) 6%, และงานอีเวนท์ (Event) อีก 4% ทั้งนี้หากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลายในไตรมาส 3-4/64 จะมีงาน EMA เข้ามาเพิ่ม

นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนเข้าประมูลงาน (Bidding) มูลค่ารวม 613.3 ล้านบาท แบ่งเป็นจากธุรกิจ INT ที่ 551.3 ล้านบาท และจากธุรกิจ EMA อีก 62.1 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนจากงานตกแต่งอาคารสำนักงาน (Workplace) 44%, งานโรงแรม (Hospitality) 30%, งานสาขาร้านแบรนด์เนม (Retail) 11%, งานอีเวนท์ (Event) 8%, งานพื้นที่สาธารณะ (Public Area) 4% และงานนิทรรศการ (Exhibition) อีก 2%,

ทั้งนี้ แผนการดำเนินงานในปี 64 บริษัทตั้งเป้าทำกำไรอย่างต่อเนื่องเพื่อเข้าเป็นหุ้นยั่งยืน (Thailand Sustainability Investment หรือ THSI) ได้ในอนาคต โดยคงเป้ารายได้ไว้ที่ 1.15 พันล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจ INT ที่ 600 ล้านบาท และจากธุรกิจ EMA ที่ 550 ล้านบาท

ด้านสถานการณ์ของธุรกิจในต่างประเทศ ทุกประเทศยังคงประสบปัญหาโควิด และต้องปรับตัวตามสถานการณ์ โดยเฉพาะในประเทศเมียนมาและกัมพูชา ซึ่งบริษัทได้หยุดการดำเนินงานที่สำนักงานของทั้งสองประเทศเป็นการชั่วคราว เป็นระยะเวลา 2 ปี (ปี 2564-2565) เพื่อเรียกพนักงานกลับมาทำงานที่ประเทศไทยก่อน หากสถานการณ์ปรับตัวดีขึ้น อาจจะมีการปรับแผนอีกครั้ง

ด้าน นายวงศกร พิเศษสิทธิ์ นักลงทุนสัมพันธ์ K กล่าวว่า ผลประกอบการในไตรมาส 1/64 บริษัทสามารถทำรายได้ที่ 183.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนที่มีรายได้ที่ 114.2 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนจาก INT ที่ 50% และจาก EMA อีก 50% สำหรับ Backlog ของไตรมาส 1/64 มีการรับรู้ไปแล้วทั้งหมด 183.5 ล้านบาท

ด้านกำไรขั้นต้น ในไตรมาส 1/64 อยู่ที่ 11% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้นติดลบที่ 9% ส่วน SG&A ในไตรมาส 1/64 บริษัทสามารถลดค่าใช่จ่ายอยู่ที่ 22.8 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนที่ 34.6 ล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทไม่สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ทั้งหมด ส่งผลให้บริษัทขาดทุนสุทธิที่ 4%

 

 

Back to top button