“ม็อบราษฎร” จุดเทียนรำลึก “89 ปี อภิวัฒน์สยาม” ก่อนบุกสภา ฟากจนท.ตรึงกำลังเข้มรอบทำเนียบ

กลุ่ม"ราษฎร" นัดรวมพลอนุสารีย์ ปชต. รำลึก "89 ปี เปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475" ก่อนเดินขบวนไปรัฐสภายื่นหนังสือแสดงจุดยืน ขณะที่นายกรัฐมนตรี เข้าทำเนียบทำงานตามปกติ ส่วนเจ้าหน้าที่จัดเตรียมกำลังพลดูแลความสงบเรียบร้อย


ผู้สื่อข่าวรายงาน  วันนี้ 24 มิ.ย. 2564 กลุ่มคณะราษฎร ได้นัดหมายรวมตัวกัน ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ตั้งแต่เวลา 05.30 น. ที่ผ่านมา เพื่อจัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เนื่องในวันครบรอบ 89 ปีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย อภิวัฒน์สยาม วันที่ 24 มิ.ย. 2475 โดยมีการจุดเทียน พร้อมอ่านประกาศจากกลุ่มคณะราษฎร  ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้ มีการนำหมุดคณะราษฎรจำลองขนาด 2 คูณ 2 เมตรมาวางไว้ เพื่อเป็นจุดศูนย์กลางทำกิจกรรมบนฐานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยมีแนวร่วมกลุ่มราษฎรทยอยรวมตัวกันตั้งแต่เวลา 04.30 น.เป็นต้นมา

โดยนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ดาวดิน” แกนนำกลุ่มราษฏร เปิดเผยว่า สำหรับกิจกรรมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยช่วงเช้า เป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์คณะราษฎร ตั้งแต่ปี 2475 โดยได้นำมวลชนร่วมกันจุดเทียนและแสดงดนตรี เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ก่อนจะปิดท้ายด้วยการอ่านแถลงการณ์ตามเจตนารมณ์ของการเคลื่อนไหว

ขณะที่ผู้สื่อข่าว รายงานบรรยากาศการรักษาความปลอดภัยการชุมนุมในครั้งนี้  มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่เทศกิจ ได้ยืนประจำการตามจุดต่างๆ รอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อดูแลความปลอดภัย และดูแลด้านการจราจร  นอกจากนี้ พบว่ามีการนำคอนเทนเนอร์จำนวนมาวางซ้อน 2 ชั้น บริเวณริมถนนราชดำเนินใกล้กับสถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม เพื่อเตรียมการป้องกันการเคลื่อนขบวนของกลุ่มราษฎรและหลายกลุ่มการเมืองที่ทำกิจกรรมในวันนี้

โดยในเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ชุมนุม ได้ตั้งขบวน เดินทางจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยมุ่งหน้าไปยังรัฐสภา เกียกกาย เพื่อยื่นหนังสือแสดงจุดยืนต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมีกำหนดใช้เส้นทางถนนราชดำเนินกลาง มุ่งหน้าสะพานผ่านฟ้าลีลาศ เข้าสู่ถนนหลานหลวง ถึงแยกอุรุพงษ์เลี้ยวเข้าสู่ถนนพระรามที่ 6 เข้าสู่ถนนทหาร เดินตรงต่อไปจนถึงแยกเกียกกายมีจุดหมายที่รัฐสภา มีระยะทางรวมประมาณ 9 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 3 ชั่วโมง โดยระหว่างการเดินทางจะมีการพักเป็นระยะจุดละ 15 นาที

ส่วนกำหนดการปิดท้ายในเวลา 17.00 น. กลุ่มราษฎรจะย้ายไปทำกิจกรรมที่ลานสกายวอล์ก แยกปทุมวัน เพื่อย้ำจุดยืนข้อเรียกร้อง เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลวันนี้ ยังไม่พบ ว่ามีการนำสิ่งกีดขวาง ทั้งตู้คอนเทนเนอร์หรือลวดหนามหีบเพลง มาตั้งบนพื้นผิวการจราจร เพื่อสกัดกั้นกลุ่มผู้ชุมนุมแต่อย่างใด  แต่พบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง ได้นำรถลากมาจอดบริเวณกลางสะพานชมัยมรุเชษฐ์ รวมถึงมีการเคลื่อนย้ายรถ จีโน่ หรือรถน้ำควบคุมฝูงชนจำนวน 4 คัน  และรถควบคุมผู้ต้องขัง แสตนด์บายบริเวณที่ใกล้ที่สุด รวมทั้งมีการวางกำลังเจ้าหน้าที่จากกองบัญชาการตำรวจนครบาลประมาณ1 กองร้อย และตำรวจชุดควบคุมฝูงชนอีก 1 กองร้อย  สแตนด์บายด้านในศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์หรือ กพ.  ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับทำเนียบรัฐบาล

ขณะเดียวกัน พบว่า เจ้าหน้าที่ได้นำรถยกตู้คอนเทนเนอร์ จอดเตรียมพร้อมบริเวณถนนพระราม 5 จำนวน 4 คัน และตู้คอนเทนเนอร์ประมาณ 20 ตู้ ส่วนจะมีการปิดการจราจรหรือไม่ต้องประเมินตามสถานการณ์อีกครั้ง ซึ่งสอดคล้องกับการแถลงข่าวของ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เมื่อวานนี้ ที่ระบุว่า จะไม่มีการตั้งสิ่งกีดขวางหากไม่มีความจำเป็นเนื่องจากเกรงว่า จะทำให้ประชาชนที่สัญจรไปมาได้รับความเดือดร้อน  แต่ได้มีการเตรียมกำลังกองร้อย ควบคุมฝูงชน กองบัญชาการตำรวจนครบาล จำนวน 17 กองร้อย และรถน้ำควบคุมฝูงชนสนับสนุนในพื้นที่ต่างๆ ส่วนการดูแลความสงบเรียบร้อยที่ทำเนียบรัฐบาลจะใช้ตำรวจสันติบาลเป็นหลัก

นอกจากกลุ่มราษฎรแล้ว วันนี้ยังมีอีกหลายกลุ่ม ที่จะมุ่งหน้ามายังทำเนียบรัฐบาล อาทิ กลุ่มประชาชนคนไทย โดย นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา เวลาประมาณ 14.00 น. จะรวมกลุ่มกันที่บริเวณแยกอุรุพงษ์ จากนั้นจะเคลื่อนมวลชนไปยังบริเวณทำเนียบรัฐบาล ฝั่งศาลกรมหลวงชุมพร ถนนพิษณุโลก ส่วน กลุ่มไทยไม่ทน ที่นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ นัดหมายรวมตัวที่บริเวณแยกผ่านฟ้าลีบาศ เวลา 16.00 น. ตั้งเวทีปราศรัยก่อนจะเคลื่อนขบวนมายังสะพานมัฆวานรังสรรค์ และยังมีอีกหนึ่งกลุ่มคือ เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี นำโดย ไบร์ท ชินวัตร จันทร์กระจ่าง ซึ่งทั้งสามกลุ่มมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือการขับไล่พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีให้พ้นจากตำแหน่ง

ส่วนความเคลื่อนไหวของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี วันนี้  ยังคงปฏิบัติหน้าที่ภายในทำเนียบรัฐบาลตามปกติโดย  ในช่วงเช้าได้ให้การต้อนรับ เอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย ที่เข้าอำลาในโอกาสพ้นหน้าที่ ในตึกไทยคู่ฟ้า ขณะที่สื่อมวลชนยังสามารถเข้าปฏิบัติงานภายในทำเนียบรัฐบาลได้ตามปกติ ยังไม่มีการห้ามหรือแจ้งปิดประตูทางเข้าแต่อย่างใด

Back to top button