SINGER บวกต่อ 3% รับเพิ่มทุนหนุน D/E ต่ำ! พอร์ตสินเชื่อโต โบรกฯชูเป้า 49 บ.

SINGER บวกต่อ 3% โบรกฯมองรับเพิ่มทุนหนุน D/E ต่ำเหลือ 0.60 เท่า เดิม 1.80 เท่า พร้อมดันพอร์ตสินเชื่อโต คาดเห็นอัพไซด์บนธุรกิจ ชี้กำไรปี 65 แตะ 1 พันลบ. แนะนำ “ซื้อ” เป้า 49 บ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (2 ก.ย.2564) ราคาหุ้นบริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER ณ เวลา 11.12 น. อยู่ที่ระดับ 43.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 2.98% โดยทำจุดสูงสุดที่ 44.25 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 42.50บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 311.96 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (2 ก.ย.2564) โดยมองว่า SINGER เพิ่มทุนโดยการออกหุ้นใหม่ 305 ล้านหุ้น ผ่าน RO จำนวน 96 ล้านหุ้น และ PP โดยบริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ U มีการเพิ่มทุน 197 ล้านหุ้น ราคา 36.33 บ./หุ้น ทำให้มีเงินทุนราว 1.10 หมื่นล้านบาท โดยทำให้ D/E ลดลงจาก 1.80 เท่าเหลือ 0.60 เท่า ซึ่งทำให้บริษัทปลดล็อคข้อจำกัดเติบโตของพอร์ตสินเชื่อที่ปัจจุบันปล่อยสุทธิเพิ่มขึ้น 400 ล้านบาทต่อไตรมาส (รวม 8.50 พันล้านบาท ณ ไตรมาส 2/2564) นอกจากนี้ทางฝ่ายวิจัยมองเห็น Upside บนธุรกิจ ทั้งการนำสินค้าหมวดใหม่ๆ (Fanslink-VGI), การให้บริการด้านโลจิสติกส์ (VGI-KEX) และรวมถึงประกันชีวิต (ALIFE) ในอนาคต คาดเริ่มเห็นพัฒนาการบางโครงการตั้งแต่ในช่วงครึ่งปีหลัง

ทั้งนี้ผลบวกระยะสั้นที่เกิดขึ้น คือ ต้นทุนการเงินลดลงอย่างมีนัยจาก (1) ทยอยคืนหุ้นกู้ 1.50 -1.80 พันล้านบาทในปี 2565 – 2566 ซึ่งมีดอกเบี้ยราว 5 – 5.50% (2) การปล่อยสินเชื่อ C4C ใหม่ด้วยเงินที่ต้นทุน (3) งบดุลแข็งแรงขึ้นจึงมีโอกาส Credit rating ที่ดีขึ้นและ Refinance ได้ไม่น้อยกว่า 50 – 100% ในอนาคต โดยทางฝ่ายวิจัยได้ทบทวนกำไรสุทธิปี 2565 เท่ากับ 1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 70% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และปี 2566 เท่ากับ 1.50 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% จากงวดเดียวกันของปีก่อนจากพอร์ตสินเชื่อที่เติบโตเร็วกว่าคาด 20 – 30% โดยมีต้นทุนการเงินที่ลดลงจาก 5.80% ณ ปัจจุบันลงไปต่ำกว่า 4% ภายหลังการเพิ่มทุน (และ SGC spin-off) บวกต่อ %NPM ที่ขยับจาก 13% เป็น 18% และมีโครงสร้างต้นทุนที่แข่งขันกับรายอื่นในตลาดได้มากขึ้น

อย่างไรก็ดีผลจากการเพิ่มทุน (Dilution) ถึง 37% อาจทำให้กำไรต่อหุ้น (EPS) ในปี 2565 ทรงตัวจากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่การเร่งปล่อยสินเชื่อไวกว่าแผนเดิมราว 1 ปีจะทำให้กำไรสุทธิเติบโตโตเฉลี่ย (3 ปี CAGR) เท่ากับเพิ่มขึ้น 29% ในสามปีข้างหน้า ทางฝ่ายวิจัยแนะนำ “ซื้อ” ปรับใช้ราคาเหมาะสมสำหรับปี 2565 เท่ากับ 49 บาท อิง P/E 35 เท่า โดยให้ Premium บนการเติบโตในระยะกลางเหนือกลุ่ม โดยไม่รวมการปลดล็อคมูลค่าของ SGC ที่กำลังจะเข้าจดทะเบียนฯในกลางปี

 

 

 

Back to top button