SMPC พุ่ง 5% โบรกฯอัพเป้า 15 บ. ชี้ครึ่งปีหลังสดใส รับยอดขายถังแก๊ส-GPM สูงต่อเนื่อง

SMPC พุ่ง 5% โบรกฯมองครึ่งปีหลังสดใส อนิสงส์ยอดขายถังแก๊สฟื้นตัวด้วยดีมานด์ทั่วโลก และลูกค้ากลุ่มใหญ่จากภูมิภาคเอเชียใต้เริ่มกลับมาสั่งซื้อมากขึ้น อีกทั้งอัตรากำไรขึ้นต้น (GPM) ยังสูงต่อเนื่อง แนะนำ “ซื้อ” ชูเป้า 15 บ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (13 ก.ย.2564) ราคาหุ้นบริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC ณ เวลา 11.21 น. อยู่ที่ระดับ 11.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท หรือ 5.41% โดยทำจุดสูงสุดที่ 11.70 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 11.30 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 74.25 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (13 ก.ย.2564) โดยทางฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นจากการประชุม SET Opportunity Day โดยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้ (1) ยอดขายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกลับมาเร่งตัวขึ้น จากในช่วงครึ่งปีแรก 2564 ที่ปรับตัวลงมาก โดยมีสัดส่วนรายได้ต่ำเพียง 7% ลดลงเทียบปี 2563 ที่มีสัดส่วนรายได้ 25% เนื่องจากปัจจุบันลูกค้าสามารถปรับตัวยอมรับภาระค่าขนส่งได้มากขึ้นและกลับมาเร่งสั่งซื้อชดเชยที่ชะลอตัวในครึ่งปีแรก 2564

รวมทั้ง (2) SMPC ยังคงมั่นใจยอดขายถังแก๊สปี 2564 จะอยู่ที่ 8 ล้านใบ เพิ่มขึ้น 11% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งครึ่งปีแรก 2564 มียอดขาย 3.50 ล้านใบ จะเร่งตัวขึ้นในครึ่งปีหลัง 2564 โดยมีคำสั่งซื้อล่วงหน้าเต็มถึงปลายปีนี้้แล้วรวมถึง (3) ประเมิน GPM ในครึ่งปีหลัง 2564 จะทรงตัวถึงเพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรก 2564ที่ 24.30% โดยจะได้ผลบวกจาก U-Rate ที่เพิ่มขึ้น และ Product Mix จากการผลิตถังแก๊สขนาดใหญ่ที่มี GPM สูง ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นและ (4) จะควบคุมค่าใช้จ่ายในการขนส่งในครึ่งปีหลัง 2564 ให้ดีขึ้น โดย SMPC จะเน้นการขายเป็น FOB (ลูกค้าออกค่าขนส่งเอง) มากขึ้น

อย่างไรก็ดีทางฝ่ายวิจัยปรับกำไรสุทธิปี 2564 ขึ้นจากเดิม 5% เป็น 617 ล้านบาท ทรงตัวจากปีก่อน โดยกำไรสุทธิครึ่งปีแรก 2564 อยู่ที่ 289 ล้านบาท ลดลง 12% จากงวดเดียวกันของปีก่อนคิดเป็นสัดส่วน 47% จากกำไรทั้งปีสำหรับกำไรครึ่งปีหลัง 2564 จะมีทิศทางปรับตัวดีขึ้น 13% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีก่อน จากยอดขายถังแก๊สในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่จะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น

ขณะที่ความต้องการถังแก๊สในทวีปแอฟริกาและอเมริกาเหนือที่ยังคงเติบโตสดใสรวมถึงจะเร่งขยายตลาดในอเมริกาใต้ และ CLMV เพิ่มมากขึ้น โดยทางฝ่ายวิจัยยังประเมินปริมาณขายถังแก๊สปี 2564ที่ 7.80 ล้านใบ เพิ่มขึ้น 8% จากงวดเดียวกันของปีก่อนขณะเดียวกันทางฝ่ายวิจัยมีการปรับ GPM ปี 2564 ขึ้นเป็น 24.30% (จากเดิมที่ 23.30%) ใกล้เคียงกับปี 2563

นอกจากนี้ทางฝ่ายวิจัยได้ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 15.00 บาท (จากเดิม 14.00 บาท) อิงปี 2564 ค่า PER ที่ 13 เท่า เนื่องจากปรับกำไรขึ้น โดยมี key catalyst จากความต้องการถังแก๊สทั่วโลกที่ยังคงสดใส และลูกค้ากลุ่มใหญ่จากภูมิภาคเอเชียใต้เริ่มกลับมาสั่งซื้อมากขึ้นในครึ่งปีหลัง 2564

 

 

 

Back to top button