UVAN บวกแรง 4% นิวไฮรอบกว่า 3 ปี ลุ้นผลงานครึ่งหลังโตต่อเนื่อง รับราคาปาล์มพุ่ง

UVAN บวกแรง 4% นิวไฮรอบกว่า 3 ปี โดย ณ เวลา 15.52  น. อยู่ที่ระดับ 8.40 บาท บวก 0.35 บาท ลุ้นผลงานครึ่งหลังโตต่อเนื่อง รับราคาปาล์มพุ่ง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(1ต.ค.2564) ราคาบริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) หรือ UVAN ณ เวลา 15.52  น. อยู่ที่ระดับ 8.40 บาท บวก 0.35 บาท หรือ 4.35% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 66.51 ล้านบาท ราคาหุ้นนิวไฮในรอบ 3 ปี 6 เดือน โดยเทียบตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 8.55 บาท เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2561

โดยผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2564 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2564 มีกำไรสุทธิ 500.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 144.09% จากไตรมาส 2/2563 อยู่ที่ 200.05 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานไตรมาสดังกล่าวมีกำไรเพิ่มขึ้น สาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันปาล์มที่เพิ่มขึ้น กำไรจากจากการสกัดน้ำมันของโรงงานเพิ่มขึ้น และปริมาณการขายเพิ่มขึ้นซึ่งรวมถึงน้ำมันซื้อจากบุคคลภายนอกเพื่อการส่งออก ส่วน 6 เดือนแรกปี 2564 อยู่ที่ 602.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 131.38% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 260.42 ล้านบาท

ขณะที่ทิศทางราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ที่ปรับตัวขึ้น หลังผลผลิตปาล์มในช่วงปลายปี 63 ที่ออกมาค่อนข้างน้อยต่อเนื่องมายังต้นปีนี้ทำให้ CPO Stock ลดลง ส่งผลให้ราคา CPO ดีดตัวขึ้นไปสูงถึง 40 บาทต่อกิโลกรัม แต่ปัจจุบันก็เริ่มปรับตัวลงมาเล็กน้อยที่ระดับ 36-37 บาท/กิโลกรัม เนื่องจากปัจจุบันปริมาณผลปาล์มได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น หรือมาอยู่ที่ 16.4 ล้านตัน เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ 15 ล้านตัน ทำให้คาดการณ์ว่าปีนี้ปริมาณผลปาล์มจะปรับตัวขึ้นมาหรือใกล้เคียงกับปี 62 ที่อยู่ที่ 16.7 ล้านตัน ส่งผลทำให้ราคาผลปาล์ม (FFB) ปรับตัวสูงขึ้น

ส่วนภาพรวมการใช้น้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ในประเทศไทย จะแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ การบริโภค และการใช้ในภาคอุตสาหกรรม โดยยังคงเติบโตต่อเนื่อง แต่อยู่ในอัตราที่ไม่สูงนัก, การส่งออก และการใช้น้ำมันปาล์มดิบเพื่อผลิตเป็นน้ำมันไบดีเซล B10 หลังจากภาครัฐมีการบริหารจัดการไบโอดีเซลเพื่อจัดการสต็อกในประเทศ ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับการบริโภคและภาคอุตสาหกรรม

ส่วนส่งออกโดยเฉลี่ยไทยมีการส่งออกอยู่ที่ 3 แสนตัน ซึ่งครึ่งปีแรกของปีนี้ส่งออกไปแล้วถึง 2.32 แสนตัน เนื่องจากราคาในตลาดโลกสูงขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตามเมื่อดูราคาเฉลี่ย ราคา CPO บ้านเราจะสูงกว่าประเทศมาเลเซีย ทำให้คาดว่าการส่งออกในปีนี้จะปรับตัวสูงกว่าปี 61 ที่อยู่ที่ 3.7 ล้านตัน

โดยให้จับตาดูราคา CPO ของมาเลเซียจะยังแข็งแกร่งต่อเนื่องไปในไตรมาสสุดท้ายนี้หรือไม่ โดย 6 เดือนแรก มาเลเซียมีผลผลิตปาล์มยู่ที่ 8 ล้านตัน ต่ำกว่าปีก่อนราว 8% และสต็อกก็ค่อนข้างต่ำ อยู่ที่ประมาณ 1.6 ล้านตัน จากค่าเฉลี่ยที่ควรจะเป็นที่ระดับ 2 ล้านตัน

ขณะที่ 5 เดือนแรกอินโดนีเซีย อยู่ที่ 18 ล้านตัน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ภาพของ CPO Stock เหลือไม่ถึง 3 ล้านตัน ซึ่งยังต้องติดตามดูในครึ่งปีหลังนี้ เนื่องจากเป็นช่วงผลผลิตปาล์มของผู้ผลิตรายใหญ่ทั้ง 2 ประเทศดังกล่าว ว่าผลผลิตจะปรับตัวขึ้นมาเพียงใด

Back to top button