SPALI วิ่งคึก 3% รับแผนเปิด 4 โครงการ 5.74 พันลบ. หนุนรายได้เข้าเป้า 2.8 หมื่นลบ.

SPALI บวกกว่า 3% รับแผนเปิด 4 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 5.74 พันลบ. ตั้งเป้ารายได้ปี 64 เติบโตเข้าเป้า 2.8 หมื่นลบ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI ณ เวลา 10:08 น. อยู่ที่ระดับ 21.10 บาท บวก 0.70 บาท หรือ 3.43% สูงสุดที่ระดับ 21.10 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 20.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 165.35 ล้านบาท

โดยราคาหุ้น SPALI ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในวันนี้ หลังมีแผนเปิดตัวคอนโดมิเนียม 4 โครงการใหม่ ในช่วงไตรมาส 4/64 มูลค่ารวม 5.74 พันล้านบาท คิดเป็น 17% ของมูลค่าโครงการเปิดใหม่ในปีนี้ หลังจากบริษัทมองว่าภาพรวมของตลาดคอนโดมิเนียมได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว และจะเริ่มเห็นการกลับมาทยอยฟื้นตัว

สำหรับคอนโดมิเนียมใหม่จะอยู่ในกรุงเทพฯ 3 โครงการ มูลค่า 5.49 พันล้านบาท และในหัวเมืองต่างจังหวัด 1 โครงการ มูลค่า 250 ล้านบาท โดยได้เตรียมเปิดตัวโครงการแรก คือ โครงการ ศุภาลัย พรีเมียร์ สามเสน-ราชวัตร มูลค่าโครงการ 1.5 พันล้านบาท โดยปัจจัยที่บริษัทตัดสินใจเลือกเปิดตัวในช่วงนี้เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด19 ในประเทศไทยจำนวนลดลง และรัฐบาลมีการควบคุมผ่านมาตรการต่างๆ ทำให้ลูกค้าเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นในการซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น

โดยโครงการ ศุภาลัย พรีเมียร์ สามเสน-ราชวัตร ราคาเริ่มต้นเพียง 3.92 ล้านบาท เปิดจองรอบพิเศษผ่านระบบ Online Booking วันที่ 22 ต.ค 64 ตั้งแต่ 10.00 น. เป็นต้นไป และรอบ Pre -Sales วันที่ 3031 ต.ค.64  โดยบริษัทวางเป้าหมายการขายโครงการดังกล่าวในช่วงพรีเซลล์ไว้ที่ 80-90%

ด้านนายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ SPALI กล่าวว่า ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.ย. 64) SPALI ทำยอดขายไปแล้ว 1.75 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 65% ของเป้าหมายทั้งปีที่วางไว้ 2.7 หมื่นล้านบาท โดยยอดขายในช่วงที่ผ่านมามาจากโครงการแนวราบเป็นหลัก และเชื่อว่าในปี 64 ยอดขายแนวราบจะเติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่แน่นอน ส่วนคอนโดมิเนียมเชื่อว่าจะฟื้นกลับมาในไตรมาส 4/64 จากการเปิดตัวโครงการใหม่ ประกอบกับภาพรวมของบรรยากาศภายในประเทศดีขึ้น หลังภาครัฐคลายล็อกมาตรการต่างๆ ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมามากขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อกลับมาด้วยเช่นกัน

“ต้องยอมรับว่าในช่วงไตรมาส 3/64 ภาพรวมยอดขายอาจจะดูซบเซาลงมาก จากการล็อกดาวน์ทำให้ช่วงก.ค.-ส.ค. ยอดลูกค้าเข้าชมโครงการลดลงอย่างเห็นได้ชัด และการปิดแคมป์คนงาน ซึ่งบางแห่งกินเวลามากกว่า 1 เดือน ทำให้บางโครงการแนวราบที่ต้องเปิดตัวในช่วงไตรมาส 3/64 ต้องเลื่อนมาเปิดตัวในไตรมาส 4/64 แทน” นายไตรเตชะ กล่าว

ด้านกลยุทธ์ของบริษัทในไตรมาส 4/64 จะเน้นการออกแคมเปญส่งเสริมการขาย เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อและโอนกรรมสิทธ์ของลูกค้าในช่วงปลายปี เพราะยังมีลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยจริง (Real Demand) พร้อมที่จะตัดสินใจซื้อและโอนกรรมสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเศรษฐกิจยังไม่กลับมาดีอย่างชัดเจน และธนาคารมีการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อที่ค่อนข้างเข้มงวด ทำให้บริษัทจะต้องหันมาเน้นการทำโปรโมชั่นเพื่อมอบส่วนลดพิเศษให้ลูกค้าและดึงดูดให้ลุกค้าเข้ามาซื้อมากขึ้น

ส่วนรายได้ในปี 64 ยังมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย 2.8 หมื่นล้านบาท จากการทยอยส่งมอบโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 3.6 หมื่นล้านบาท จะทยอยรับรู้เข้ามาในช่วงไตรมาส 4/64 กว่า 1.4 หมื่นล้านบาท และยังมีสต๊อกพร้อมขายและโอนได้ทันทีที่จะทยอยขายอย่างต่อเนื่องราว 2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น สต๊อกโครงการคอนโดมิเนียม 1.5 หมื่นล้านบาท และสต๊อกแนวราบ 5 พันล้านบาท

Back to top button