BCH วิ่ง 4% โบรกฯชูเป้า 28 บ. มองกำไรปี 65 แตะ 1.6 พันลบ. รับรายได้ผู้ป่วยทั่วไปเพิ่ม

BCH วิ่ง 4% โบรกฯชูเป้า 28 บ. รับรายได้ผู้ป่วยทั่วไปเพิ่ม หนุนกำไรปี 65 แตะ 1.6 พันลบ. ทั้งนี้คาดว่าฐานลูกค้าใหม่ในปี 65 จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านคน และผู้ป่วยต่างชาติเริ่มทยอยกลับเข้ามารักษา โดยคาดว่าจะมีอัพไซด์จากวัคซีนโมเดอร์น่า จำนวน 1.2 ล้านโดส นอกจากนี้ยังคงมีธุรกิจอื่นๆ เพื่อมาสนับสนุนการดำเนินธุรกิจที่นอกเหนือจากการรักษาพยาบาล


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (29 พ.ย. 64) ราคาหุ้นของบริษัท บางกอก เชน ฮอสพิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH โดย ณ เวลา 11:25 น. อยู่ที่ระดับ 21.80 บาท บวก 0.90 บาท หรือ 4.31% โดยทำจุดสูงสุดที่ 21.90 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 21.40 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 670.86 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 64 โดยฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นจากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้ (25 พ.ย. 64) จากการเติบโตของรายได้ปี 2565 ดังนี้

โดยฝ่ายวิจัยคาดรายได้ผู้ป่วยทั่วไปปี 2565 ฟื้นตัวมากกว่า เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบจากปีก่อน จาก 1) Pent up demand ในกลุ่มโรคเรื้อรัง, ผ่าตัด, ทันตกรรม ฯลฯ, 2) คาดฐานลูกค้าใหม่ในปี 2565 จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านคน จาก 1.5 ล้านคน ในปี 2564 ซึ่งได้มาจากการตรวจคัดกรอง, การรักษาผู้ป่วยโควิด และการฉีดวัคซีน

นอกจากนี้ บริษัทคาดรายได้จากโควิดในปี 2565 จะมีส่วนราว 15% ของรายได้โควิดที่ทำได้ในปี 2565 ไม่รวมวัคซีนทางเลือก Moderna (รายได้โควิดในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 อยู่ที่ 8,158 ล้านบาท) ปัจจุบันบริษัทยังคงมีเตียงรองรับผู้ป่วยโควิดภายใน รพ. ราว 1,200 เตียง และ Hospitel ราว 9,000 เตียง ขณะที่ยอดรักษาโควิดในเดือน ต.ค. 64 ปรับตัวลดลงเหลือ 5,000 คนต่อวัน และลดลงต่อเนื่องในเดือน พ.ย. 64 เป็น 2,500 คนต่อวัน

อีกทั้ง บริษัทได้รับโควตาผู้ประกันตนของประกันสังคมเพิ่มขึ้น 2.1 แสนคน หรือคิดเป็น เพิ่มขึ้น 24% ส่งผลให้ปี 2565 จะมีโควตาผู้ประกันตนรวมเป็น 1.5 ล้านคน จากเดิมในปี 2564 ที่ 1.2 ล้านคน โดยเป็นการขยายโควต้าให้กับ รพ.เกษมราษฎร์ประชาชื่น, บางแค และรัตนาธิเบศ

โดยบริษัทคาดรายได้ต่อหัวผู้ประกันตนปี 2565 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นราว เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบจากปีก่อน (ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 อยู่ที่ 3,400 บาทต่อคน) ปัจจัยที่เพิ่มขึ้นจะมาจาก utilization rate ที่สูงขึ้นจากการผ่าตัด, โรคเรื้อรังที่มีค่าใช้จ่ายสูง เป็นต้น

สำหรับการตั้งเป้ารายได้ศูนย์ Anti aging แห่งละ 150 ล้านบาทต่อปี (ปัจจุบันมีทั้งหมด 5 แห่ง) ซึ่งได้จัดตั้งบริษัทในเครือ BCM เพื่อมาสนับสนุนการดำเนินธุรกิจที่นอกเหนือจากการรักษาพยาบาล โดยแบ่งออกเป็น 3 ธุรกิจ ดังนี้ 1.1) ธุรกิจห้อง Lab เพื่อช่วยลดต้นทุน คาดว่าจะสามารถลดต้นทุนได้ราว 20 ล้านบาทต่อปี หรือลดลงราว 30% จากต้นทุนค่าใช้จ่ายการส่ง Lab ออกไปตรวจนอก รพ. 1.2) ธุรกิจยาและเวชภัณฑ์  และ 1.3) ธุรกิจเครื่องดื่มสุขภาพ (น้ำดื่มวิตามิน) ปัจจุบันได้วางจำหน่ายแล้วทั้งใน รพ. และห้างสรรพสินค้าชั้นนำ

สำหรับแนวโน้มไตรมาส 4/2564 คาดเห็นผลประกอบการอ่อนตัวลงหลังสถานการณ์โควิดที่ปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้รายได้จากโควิดจะปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่อย่างไรก็ตามประมาณการกำไรปี 2564 ยังคงมี upside จาก 1) เห็นสัญญาณฟื้นตัวของผู้ป่วยรักษาแผลเบาหวานจากตะวันออกกลาง โดยรัฐเริ่มให้กลับมารับรักษาผู้ป่วยต่างชาติ fly-in ได้ตั้งแต่ กลางเดือน ต.ค.64 ที่ผ่านมา ซึ่งจะเข้ามาช่วยหนุนรายได้ให้กับ รพ. World medical hospital และ 2) คาด BCH จะได้รับจัดสรรวัคซีน Moderna ราว 1 ล้านโดส (lot ที่ 1) คิดเป็นเงิน 1.6 พันล้านบาท

ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ได้ประเมินราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 28.00 บาท โดยฝ่ายวิเคราะห์ประเมินผู้ป่วยต่างชาติเริ่มทยอยกลับเข้ามารักษาและคาดว่าจะค่อยๆ กลับมาฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 4/2564 เป็นผลดีต่อศูนย์ IVF และศูนย์รักษาแผลเบาหวานแบบเต็มรูปแบบที่จะกลับมาช่วยหนุนรายได้ รพ. World medical hospital นอกจากนี้ปี 2565 กำไรยังมี upside จากวัคซีนโควิด moderna (Lot 2 อีกราว 1.2 ล้านโดส) ที่ยังไม่รวมอยู่ในประมาณการ รวมถึงฐานลูกค้าใหม่ที่ได้จากการรักษาโควิดอีกราว 4.5 แสนราย โดยปัจจุบัน BCH เทรดในปี 2565 โดยอิงค่า PER ที่ 31 เท่า

Back to top button