MAKRO ไดรูท 4% หลัง “พีโอ” เทรดวันแรก โบรกฯ ชี้รอสะเด็ดน้ำรับ เป้า 50 บ.

MAKRO ไดรูท 4% หลัง “พีโอ” เทรดวันแรก ราคาต่ำกว่ากระดาน 43.50 บ. โบรกฯ ชี้รอสะเด็ดน้ำรับ เป้า 50 บ. อีกทั้งหลังควบรวมกิจการกลุ่มโลตัสส์ รายได้โต 2 เท่า พุ่งแตะ 4 แสนลบ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (24 ธ.ค.2564) ราคาหุ้น บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO ณ เวลา 10:25 น. อยู่ที่ระดับ 43.00 บาท ลดลง 1.75 บาท หรือ 3.91% โดยทำจุดสูงสุดที่ 43.50 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 42.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.41 พันล้านบาท

โบรกฯ ประเมินอาจมีแรงขายทำกำไรช่วง 1-2 วันแรก เหตุราคากระดานสูงกว่าราคาจองซื้อ PO พร้อมชี้หากแรงขายสะเด็ดน้ำ ลุ้นราคาวิ่งขึ้นหาพื้นฐานไม่ต่ำกว่า 50 บาท ขณะที่หลัง MAKRO ควบรวมกิจการกลุ่มโลตัสส์ รายได้โต 2 เท่า พุ่งแตะ 4 แสนล้านบาท

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า หุ้นเพิ่มทุนของ MAKRO จำนวน 770 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น จะเริ่มซื้อขายในวันที่ 24 ธ.ค. 2564 หลังจากที่มีการเสนอขายหุ้นไปเมื่อวันที่ 4-9 ธ.ค. 2564  ที่ราคาเสนอขาย 43.50 บาทต่อหุ้น จะส่งผลให้มีทุนจดทะเบียนใหม่ 5,290.16 ล้านบาท เป็นหุ้นสามัญ จำนวน 10,580.32 ล้านหุ้น จากเดิมที่มีทุนจดทะเบียน 4,905.16 ล้านบาท เป็นหุ้นสามัญ จำนวน 9,810.32 ล้านหุ้น

ด้านนางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ MAKRO เปิดเผยว่า แม็คโครเตรียมนำหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป (Public Offering หรือ PO) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 24 ธ.ค. 2564 หลังจากเสร็จสิ้นการระดมทุนจากการเสนอขายหุ้น PO เป็นที่เรียบร้อย โดยพร้อมให้ความมั่นใจแก่นักลงทุน เนื่องจากการระดมทุนดังกล่าวได้เพิ่มความแข็งแกร่งด้านฐานะทางการเงินให้กับบริษัท พร้อมรองรับแผนงานขยายธุรกิจทั้งในไทยและต่างประเทศ เพื่อก้าวสู่ผู้นำธุรกิจค้าส่ง (Business to Business หรือ B2B) และค้าปลีก (Business to Consumer หรือ B2C) ในระดับภูมิภาคเอเชีย

โดยมองว่าภาพรวมตลาดค้าปลีกสมัยใหม่ (โมเดิร์นเทรด) ในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะกลุ่มของสด และสินค้าอุปโภคบริโภค (Fresh and Grocery) ที่มีมูลค่าตลาดรวมสูงถึงกว่า 3.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ มีแนวโน้มเติบโตต่อไปในระยะยาว โดยเฉพาะตลาดในประเทศไทย มาเลเซีย จีน อินเดีย เมียนมา กัมพูชา สปป.ลาว เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และศรีลังกา ที่มีศักยภาพเติบโตได้อีกมาก

ขณะเดียวกันนายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย กล่าวว่า จากแผนยุทธศาสตร์ขยายธุรกิจในระดับภูมิภาคเอเชียที่วางไว้ มีความมั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัล โดยจะมุ่งพัฒนาระบบนิเวศออนไลน์ (Online ecosystems) ของการค้าปลีกรูปแบบใหม่ เพื่อเข้าถึงลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการและผู้บริโภค

“เราต้องการยกระดับธุรกิจค้าส่ง (B2B) และค้าปลีก (B2C) ให้รองรับยุคดิจิทัล ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่ง Growth Driver ที่สำคัญ โดยการพัฒนาแพลตฟอร์มดังกล่าว จะอยู่ภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบไอทีอย่างต่อเนื่อง การอัพเกรดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของแอปพลิเคชันที่ให้บริการแก่ลูกค้า ระบบบริหารคำสั่งซื้อ ระบบรับสินค้า และระบบขนส่งสินค้า ซึ่งจะมีทั้งการจัดส่งแบบเร่งด่วน (On-Demand Delivery) จัดส่งในวันถัดไป (Next-Day Delivery) และสั่งซื้อพร้อมรับสินค้าเอง (Click-and-Collect) โดยวางเป้าหมายในอนาคตจะมีสัดส่วนรายได้จากช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็น 15-20% ของยอดขายรวม” นายสมพงษ์ กล่าว

ส่วนนายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หุ้น PO ของ MAKRO เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 24 ธ.ค.นี้นั้น ด้วยส่วนต่างราคาที่ราคาจองซื้อหุ้น PO ที่ 43.50 บาท และราคาหุ้น MAKRO ในกระดานที่สูงกว่าราคาจองซื้อ PO อยู่ที่มากกว่า 44 บาท น่าจะส่งผลให้เกิดแรงขายทำกำไรในช่วง 1-2 วันแรก หลังจากนั้นราคาหุ้น MAKRO น่าจะวิ่งขึ้นไปที่ราคาพื้นฐานที่แท้จริงได้ หากแรงขายหมดลงราคาหุ้นก็น่าจะไม่ต่ำกว่า 50 บาทได้

ทั้งนี้ด้วยจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้น คาดจะเพิ่มสัดส่วนการกระจายการถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) ขึ้นเป็นประมาณ 13-14% ซึ่งยังต้องรอดูจากบริษัทที่จะแจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไปในอีก 1-2 วัน เนื่องจากหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดย MAKRO จำนวนไม่เกิน 1,362 ล้านหุ้น เสนอขายไม่หมด ยังเหลืออยู่บางส่วน น่าจะทำให้ Free Float ไม่ถึงระดับ 16-17% ได้ จึงยังไม่เข้าเกณฑ์ที่จะเข้าคำนวณในดัชนี SET50 และ SET100 ได้ แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องรอดูข้อมูล  Free Float ที่จะต้องมีการแจ้งอีกที

อนึ่งก่อนหน้านี้ ด้านนายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ MAKRO ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการข่าวหุ้นเจาะตลาดทาง Kaohoon TV Online และสถานีวิทยุกระจายเสียง ขส.ทบ. FM 102 MHz ว่า หลังจาก MAKRO รับโอนกิจการของกลุ่มโลตัสส์ MAKRO จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำที่มีช่องทางการจำหน่ายหลากหลายช่องทาง หรือออมนิชาแนล (O2O) ทั้งธุรกิจค้าส่ง (B2B) และค้าปลีก (B2C) ทั้งอาหารสดและสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ไม่เฉพาะในประเทศไทย แต่รวมทั้งการลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นตลาดใหญ่และมีศักยภาพในการเติบโตได้รวดเร็ว และยังทำให้มี 3 ธุรกิจ คือ 1. ธุรกิจค้าส่ง 2. ธุรกิจค้าปลีก และ 3. ธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าศูนย์การค้า ซึ่งจะทำให้ธุรกิจเสริมศักยภาพซึ่งกันและกัน

โดยเมื่อมีการรวมกิจการกลุ่มโลตัสส์ จากที่มีการทำงบการเงินรวมเสมือน ตัวเลขรายได้จะมีการเติบโต 2 เท่า จากเดิม MAKRO มีรายได้ประมาณ 200,000 ล้านบาท ก็จะเพิ่มเป็นประมาณ 430,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันจะมีอัตราการทำกำไรเพิ่มขึ้น 3% เป็น 6-8% จากเดิมที่ประมาณ 3-4% เพราะธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าศูนย์การค้า มีมาร์จิ้นที่ดีกว่าธุรกิจค้าส่ง อีกทั้งอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ยังอยู่ในระดับ 0.5 เท่า ซึ่งถือว่ายังต่ำ จึงยังมีศักยภาพในการกู้เงินมาขยายธุรกิจได้เพิ่มเติม ดังนั้นการรวมกลุ่มโลตัสส์เข้ามา ทำให้ธุรกิจมีความครอบคลุมมากขึ้น ทั้งค้าส่ง ค้าปลีก และยังจะมีการขยายไปในส่วนของออนไลน์

Back to top button