JWD แรลลี่ยาว! พุ่งอีก 6% “ออลไทม์ไฮต่อ” โบรกฯเชียร์ซื้อเป้า 22 บ. จับตากำไรปีนี้นิวไฮ

JWD แรลลี่ยาว! พุ่งอีก 6% “ออลไทม์ไฮต่อเนื่อง” โบรกฯเชียร์ซื้อเป้า 22 บ. จับตากำไรปีนี้นิวไฮ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(27ธ.ค.64)ราคาหุ้น บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ล่าสุด ณ เวลา 10:40 น. อยู่ที่ 20.00 บาท บวก 1.20 บาท หรือ 6.38% สูงสุดที่ 20.20 บาท ต่ำสุดที่ 18.80 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 130.92 ล้านบาท โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 ก.ย.2558

ด้านบล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า JWD เป็นหุ้นเด่นของในกลุ่มโลจิสติกส์จากการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องของบริษัทโดยผ่านการร่วมทุน/การเป็นพันธมิตร/การทำ M&A คาดกำไรไตรมาส 4/2564 ยังคงเติบโตเมื่อเทียบจากปีก่อน จากการเข้าซื้อกิจการ VNS Transport และการเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก ESCO

ส่วนกำไรหลักในปี 2565 คาดโต 22% จากการลงทุนคลังสินค้าร่วมกับ ORI และ MyCloudFulfillment ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตสูงตามธุรกิจ E-commerce ที่ขยายตัว ประเมินเป้าพื้นฐาน 22 บาท

โดยก่อนหน้า(18พ.ย.64)นายเอกพงษ์ ตั้งศรีสงวน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน JWD เปิดเผยว่า มั่นใจผลประกอบการปี 2564 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ทั้งรายได้และกำไรสุทธิ หลังจากที่รายได้ของบริษัทเติบโตต่อเนื่องทุกไตรมาส เพราะได้รับผลกระทบเชิงบวกจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้ธุรกิจด้านการขนส่ง (โลจิสติกส์) เติบโตอย่างมาก โดยงวด 9 เดือนปี 2564 บริษัทมีรายได้ 3,817.2 ล้านบาท กำไรสุทธิ 395.4 ล้านบาท ขณะที่รายได้ทั้งปี 2563 อยู่ที่ 3,922.4 ล้านบาท กำไรสุทธิ 290 ล้านบาท

ส่วนแนวโน้มการดำเนินงานปี 2565 นั้น เชื่อว่าผลประกอบการยังเติบโตต่อเนื่องแม้การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง เพราะประชาชนยังใช้ชีวิตแบบ New normal ต่อไป ทำให้การซื้อสินค้าผ่านออนไลน์และแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซต่าง ๆ ยังได้รับความนิยม และส่งผลดีต่อธุรกิจโลจิสติกส์ ซึ่งในปี 2565 บริษัทจะมีพื้นที่คลังสินค้าเพิ่มเติม 3 แห่ง คือ คลังสินค้าห้องเย็นที่ ต.มหาชัย จ.สมุทรสาคร ขนาด 10,800 ตารางเมตร (ตร.ม.) งบลงทุน 500 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดบริการได้ไตรมาส 1/2565 คลังสินค้าที่ลาดพร้าวขนาด 3,500 ตร.ม. งบลงทุน 80 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดบริการเดือนมีนาคม 2565 และคลังสินค้าห้องเย็นที่ จ.สระบุรี พื้นที่ 8,000 ตร.ม. งบลงทุน 380 ล้านบาท ซึ่งจะแล้วเสร็จในเดือนตุลาคม 2565

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ร่วมกับพันธมิตรเพื่อขยายธุรกิจ ที่ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญของบริษัท ในการใช้จุดแข็งของพันธมิตรและบริษัทพัฒนาธุรกิจร่วมกัน ซึ่งจะได้กำไรเร็วกว่าการลงทุนเองทั้งหมด เช่น การร่วมทุน (JV) กับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จํากัด และบริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส จำกัด รุกตลาดการขนส่งพัสดุที่คาดว่าการจัดตั้ง JV จะแล้วเสร็จในปี 2565 พร้อมให้บริการได้

ขณะที่ การเข้าซื้อหุ้นบริษัท อีสเทิร์นซี แหลมฉบัง เทอร์มินัล จำกัด (ESCO) ประมาณ 20% ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินกระบวนการซื้อหุ้นเสร็จสิ้นแล้ว และจะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก ESCO ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป โดย ESCO เป็นผู้ดำเนินธุรกิจท่าเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศรายใหญ่ในท่าเรือแหลมฉบังรวมประมาณ 3 ล้านตู้ต่อปี รวมทั้งการเจาะตลาดขายสินค้าหรือบริการกับลูกค้าที่เป็นผู้บริโภคทั่วไปโดยตรง (B2C) ร่วมกับ MyCloudFulfillment ผู้ให้บริการคลังสินค้าออนไลน์ โดย JWD ได้เข้าถือหุ้นใน MyCloud 19.75% ก็จะเป็นการรองรับการเติบโตของตลาดอี-คอมเมิร์ซในอนาคตด้วย โดย JWD ตั้งเป้า 5 ปีจากนี้ จะมีรายได้ที่ 10,000 ล้านบาท และกำไรสุทธิเติบโต 15%

 

Back to top button