“กลุ่มโลจิสติกส์” บวกยกแผง รับค่าระวางตู้คอนเทนเนอร์พุ่ง-ดีมานด์เพิ่ม

“กลุ่มโลจิสติกส์” บวกยกแผง รับค่าระวางเรือตู้คอนเทนเนอร์พุ่งต่อเนื่องโดยปัจจุบันอยู่ที่ 5,046.66 จุด และดีมานด์ก็ปรับตัวดีขึ้น จากหลายประเทศเริ่มกลับมาเดินเครื่องกำลังการผลิต และขนส่งต่างๆ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (5 ธ.ค.2565) ณ เวลา 16:23 น. หุ้นกลุ่มโลจิสติกส์ ปรับตัวขึ้น นำโดย บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III อยู่ที่ระดับ 16.70 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 6.37% โดยทำจุดสูงสุดที่ 16.90 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 15.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 497.42 ล้านบาท

ส่วนราคาหุ้น บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE อยู่ที่ระดับ 21.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท หรือ 3.30% โดยทำจุดสูงสุดที่ 22.40 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 20.90 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 454.21 ล้านบาท

ขณะเดียวกันราคาหุ้น บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO อยู่ที่ระดับ 16.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท หรือ 3.75% โดยทำจุดสูงสุดที่ 16.80 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 15.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 224.69 ล้านบาท

นอกจากนี้ราคาหุ้น บริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NCL อยู่ที่ระดับ 3.92 บาท เพิ่มขึ้น 0.16 บาท หรือ 4.26% โดยทำจุดสูงสุดที่ 3.94 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 3.72 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 151.11 ล้านบาท

ด้านราคาหุ้น บริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน) หรือ RCL อยู่ที่ระดับ 51.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 3.00% โดยทำจุดสูงสุดที่ 51.50 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 49.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 412.02 ล้านบาท

นายภูวดล ภูสอดเงิน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ราคาหุ้นกลุ่มโลจิสติกส์ที่ปรับตัวขึ้นวันนี้ เป็นไปตาม Shanghai Containerized Freight Index (SCFI) หรือดัชนีค่าระวางเรือตู้คอนเทนเนอร์ ที่ปรับตัวขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง (All Time High) โดยปัจจุบันอยู่ที่ 5,046.66 จุด

ขณะเดียวกันดีมานด์ก็ปรับตัวดีขึ้นจากหลายประเทศเริ่มกลับมาเดินเครื่องกำลังการผลิต และขนส่งต่างๆ รวมถึงยังมีดีมานด์สินค้าจากการ Reopening แต่ในฝั่งของซัพพลายค่อนข้างตึงตัว และเมื่อเจอการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ใหม่ ก็อาจทำให้เกิดข้อจำกัดในการขนส่ง

นอกจากนี้ มองกลุ่มโลจิสติกส์น่าจะได้ประโยชน์จากรถไฟจีน-ลาว ด้วย ประกอบกับผลประกอบการในไตรมาส 4/2564 ก็น่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

Back to top button