RCL ดีดแรง 4% ลุ้นผลงาน Q4/64 นิวไฮ หลังเพิ่มเรือใหม่ 7 ลำดันรายได้โตเด่น

RCL ดีดแรง 4% หลังร่วงยาว 5 วันติด ลุ้นผลงานไตรมาส 4/64 “นิวไฮ” อานิสงส์ซื้อและรับมอบเรือเพื่อเพิ่มบริการขนส่งอีก 7 ลำ


ผู้สื่อข่าวรายงานวาส ราคาหุ้น บริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน) หรือ RCL ณ เวลา 10:15 น. อยู่ที่ระดับ 40.25 บาท บวก 1.50 บาท หรือ 3.87% สูงสุดที่ระดับ 40.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 39.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 152.82 ล้านบาท โดยราคาหุ้นปรับตัวลดลงติดต่อกัน 5 วันทำการ ตั้งแต่ปิดที่ระดับ 49.25 บาท เมื่อวันที่ 18 ม.ค.65

โดยก่อนหน้านี้ นายทวินโชค ตันธุวนิตย์ ผู้อำนวยการอาวุโส หัวหน้างานภูมิภาค ปฏิบัติการและธุรกิจของ RCL เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 5-10% จากปี 2564 เนื่องจากทิศทางการขนส่งสินค้าทางเรือที่ยังมีความต้องการใช้ที่สูง จากการฟื้นตัวกลับมาของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งค่าระวางเรือน่าจะยังอยู่ในระดับสูง

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนเพิ่มการให้บริการเรือขนส่ง โดยเริ่มมองโอกาสในอินเดียและภูมิภาคตะวันตกมากขึ้น เนื่องจากเป็นโซนที่มีความต้องการใช้เรือขนส่งสินค้าในระดับที่สูงกว่าภูมิภาคทางด้านตะวันออก หลังจากที่เศรษฐกิจทางด้านภูมิภาคตะวันตกกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว แม้ว่าในปัจจุบันจะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนเข้ามากระทบบ้าง ประกอบกับในปี 2565-2566 บริษัทจะรับมอบเรือเข้ามาจำนวน 2 ลำ หลังจากในช่วงเดือน ส.ค. 2564 บริษัทได้สั่งซื้อเรือใหม่ จํานวน 2 ลํา ขนาดบรรทุกลําละ 12,000 TEU ซึ่งจะกำหนดรับมอบเรือประมาณไตรมาส 4/2565 จำนวน 1 ลำ และไตรมาส 1/2566 อีก 1 ลำ จากปัจจุบันบริษัทมีกองเรืออยู่ทั้งหมด 42 ลำ

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2564 บริษัทคาดว่าจะมีโอกาสจะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2564 เนื่องจากในปี 2564 บริษัทได้ซื้อและรับมอบเรือเพื่อเพิ่มบริการขนส่งอีกหลายขนาด ได้แก่ เรือขนาด 6,000 TEU จำนวน 2 ลำ เรือขนาด 2,000-3,000 TEU จำนวน 2 ลำ เรือขนาด 1,700 TEU จำนวน 2 ลำ และเรือขนาด 1,000 TEU จำนวน 1 ลำ ซึ่งเรือดังกล่าวจะให้บริการลูกค้าได้เต็มที่ในไตรมาส 4/2564 สนับสนุนการเติบโตให้กับบริษัท

โดยหลังจากในไตรมาส 3/2564 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,750 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เป็นผลมาจากรายได้ค่าระวางเรือที่เพิ่มขึ้น เป็นมูลค่ามากกว่า 16,000 บาท/ตู้ โดยปริมาณการขนส่งตู้สินค้าเพิ่มขึ้น 4% ขณะที่ต้นทุนการเดินเรือเพิ่มขึ้น จากความต้องการเช่าเรือที่สูงขึ้น ความแออัดของท่าเรือ และการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง แต่ด้วยการวางแผนที่เหมาะสม ทำให้บริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นได้ โดยยังคงไว้ซึ่งผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น

ดังนั้นส่งผลให้ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 9,859 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,931% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 485 ล้านบาท และมีรายได้อยู่ที่ 24,363 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 99% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้อยู่ที่ 12,253 ล้านบาท

Back to top button