JMT บวก 3% โบรกอัพเป้า 100 บ. คาดกำไร Q1 โต 48% เล็งปีนี้แตะ 2.3 พันลบ.

JMT บวก 3% คาดนลท.เก็งกำไร Q1 โต 48% แตะ 418 ลบ. เล็งทั้งปี 2.3 พันลบ. รับธุรกิจบริหารหนี้หนุน โบรกเคาะเป้า 100 บ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (25 เม.ย. 2565) ราคาหุ้นบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ณ เวลา 12:02 น. อยู่ที่ระดับ 84.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท หรือ 3.35% โดยทำจุดสูงสุดที่ 85.25 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 81.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 579.01 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (25 เม.ย.2565) โดยคาดกำไรไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 418 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 13% จากไตรมาสก่อน จากผลการเรียกเก็บบนกองหนี้ที่เพิ่มขึ้น 24% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากสิ้นปี 2564 ขณะที่จากไตรมาสก่อนคาดอ่อนตัวจากฐานที่สูงในไตรมาส 4/2564 ตาม Seasonality ของธุรกิจบริหารหนี้ และคาดจะเร่งตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี 2565 โดยคาดรายได้รวมอยู่ที่ 1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 2% จากไตรมาสก่อน ด้านค่าใช้จ่ายในการบริการและการดำเนินงานสามารถควบคุมได้ใกล้เคียงกับระดับเดิม

อย่างไรก็ดีทางฝ่ายวิจัยได้คงประมาณการกำไรปี 2565 อยู่ที่ 2.30 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 68% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2566 ขึ้นราว 12% มาที่ 3.30 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยปรับเพิ่มประมาณการ Cash Collection ขึ้น 5% จากเดิมด้วยอัตราการจัดเก็บที่คาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งบริษัทได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการจัดเก็บในทุกสภาพเศรษฐกิจ และปรับ Funding cost ลงราว 50 bps เพื่อสะท้อนอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงสำหรับหุ้นกู้ที่ออกใหม่ในปี 2566 ภายหลังการปรับขึ้น Credit rating จาก BBB สู่ BBB+

ขณะที่คงสมมติฐานเงินลงทุนที่ 1.50 หมื่นล้านบาท เทียบปี 2564 อยู่ที่ 8.50 พันล้านบาท ส่วนปี 2565 อยู่ที่ 1.40 หมื่นล้านบาท ด้าน JV AMC กับ KBANK คาดจะเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาส 3/2565 และจะรับรู้กำไรได้เต็มปี 2566 ซึ่งทางฝ่ายวิจัยประเมินว่าเงินลงทุนทุกๆ 1 พันล้านบาท จะเป็น Upside risk ต่อประมาณการปี 2566 ราว 1% โดยยังไม่รวมการ JV ร่วมกับธนาคารอื่นที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยได้ปรับใช้มูลค่าเพิ่มฐานปี 2566 ที่ 100 บาท เทียบเท่าระดับ PER ปี 2565 เดิมที่ 44 เท่า คงคำแนะนำ “ซื้อ” เข้าสู่การเติบโตสูงแบบก้าวกระโดด ด้วยเงินทุนที่พร้อม และธุรกิจมีความมั่นคงบนกองหนี้ที่เพิ่มขึ้นและการตัดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการร่วม JV กับ KBANK และสถาบันการเงินอื่นๆที่เป็น Upside risk หลักบนกำไรปี 2565-2566 หนุนการแข่งขันและต้นทุนในระยะยาว

Back to top button