SABUY เด้ง 3% รับข่าวลงทุน “อินโฟแกรมเมอร์” – ตั้ง 3 บ.ลูก เสริมแกร่งธุรกิจ

SABUY เด้ง 3% รับข่าวขายหุ้นเพิ่มทุน 1.78 ล้านหุ้น ให้ PP มูลค่า 50 ลบ. นำลงทุน “อินโฟแกรมเมอร์” และตั้ง 3 บ.ย่อยใหม่ เพื่อขยายฐานเสริมแกร่งธุรกิจ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (26 พ.ค. 2565) ราคาหุ้นบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY ณ เวลา 10:42 น. อยู่ที่ระดับ 25 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท หรือ 2.88% โดยทำจุดสูงสุดที่ 25.50 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 24.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 208.52 ล้านบาท

โดย SABUY เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 10/2565 เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2565 มีมติอนุมัติการเข้าลงทุนในหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 12,500 หุ้น หรือคิดเป็น 25% ในบริษัท อินโฟแกรมเมอร์ จำกัด (EasyRes) จาก ผู้ถือหุ้นเดิมของ EasyRes ทั้งนี้ EasyRes ประกอบธุรกิจผู้พัฒนาและให้บริการระบบบริหารจัดการร้านอาหารอย่างมืออาชีพครอบคลุมการใช้งานธุรกิจร้านอาหารทุกขนาดตั้งแต่ร้านขนาดเล็ก ไปจนถึงการบริหารหลายสาขา และมีประสบการณ์ในด้านระบบ POS ซึ่งมีฟังก์ชั่นการใช้งานครอบคลุมครบครันสามารถประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย โดยบริษัทฯ จะชำระค่าตอบแทนจำนวนไม่เกิน 50,000,000 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของ EasyRes

สำหรับ EasyRes ประกอบธุรกิจผู้พัฒนาและให้บริการระบบบริหารจัดการร้านอาหารอย่างมืออาชีพครอบคลุมการใช้งานธุรกิจร้านอาหารทุกขนาดตั้งแต่ร้านขนาดเล็ก ไปจนถึงการบริหารหลายสาขา และมีประสบการณ์ในด้านระบบ POS ซึ่งมีฟังก์ชั่นการใช้งานครอบคลุมครบครันสามารถประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย

ทั้งนี้บริษัทฯ จะใช้กระแสเงินสดที่จะได้รับจากการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) ซึ่งที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 ของบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติไปเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2565 มาใช้ในการเข้าทำธุรกรรมดังกล่าว โดยการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทให้บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ไม่เกิน 1,785,714 หุ้น ในราคาเสนอขาย 28 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 49,999,992 บาท ให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) จำนวน 2 ราย ได้แก่ นายณัฐนันท์ กุลวัฒน์ฐกรณ์ จำนวน 892,857 หุ้น สัดส่วน 0.06% และ นายธิติพงศ์ ฉัตรเตชะ จำนวน 892,857 หุ้น สัดส่วน 0.06%

ทั้งนี้คณะกรรมการของบริษัท พิจารณาแล้วและมีความเห็นว่า การออกและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัดครั้งนี้จะทำให้บริษัทสามารถระดมทุนได้ภายในระยะเวลาอันสั้น และมีแหล่งเงินทุนเพียงพอสำหรับการเข้าลงทุนในธุรกิจตามแผนการลงทุน รวมทั้งเสริมสร้างให้บริษัท มีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งขึ้นเพื่อรองรับการขยายธุรกิจหลัก และ/หรือธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักของบริษัท รวมถึงการลงทุนในอนาคต ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเติบโตของบริษัท ได้ในระยะยาว

โดยบริษัทฯ คาดว่าการเข้าทำธุรกรรมดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มฐานลูกค้าใน Ecosystem ของบริษัทฯ มากขึ้น จากการร่วมมือกันโดยใช้ช่องทางการชำระเงินของบริษัทฯ ในระบบ POS ของ EasyRes ที่มีฐานลูกค้าในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) จำนวนหลายราย

รวมทั้งเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ให้แก่กลุ่มบริษัทฯ และเพิ่มโอกาสในเสนอสินค้าและบริการ แก่บริษัทคู่ค้าใน Ecosystem ของบริษัทฯ ซึ่งบริษัทฯ จะสามารถนำเสนอและรวมศูนย์การให้บริการนี้ เป็นหนึ่งใน Business Solutions ตามวิสัยทัศน์ 7 SMART ของบริษัท

นอกจากนี้ เกิดการเรียนรู้ (Learning Curve) ในการบริหารจัดการ และเทคโนโลยี ที่เกี่ยวกับการให้บริการเครื่อง POS และระบบบริการจัดการร้านค้า

อีกทั้งเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทน อัตราการเติบโตของสินทรัพย์ ผลกำไร และกระแสเงินสดให้แก่บริษัทฯ และผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว

นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทยังอนุมัติจัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ 3 บริษัท ได้แก่

1.บริษัท สบาย เอาท์ซอร์สซิ่ง จำกัด ทุนจดทะเบียน 100,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 10,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาทซึ่งบริษัทถือหุ้น 99.99% เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการจัดหาทรัพยากรบุคคล เช่น พนักงานขับรถ พนักงานรักษาความปลอดภัย พนักงานทำความสะอาด และคอลเซ็นเตอร์ เป็นต้น ให้แก่ทั้งกลุ่มบริษัทฯ พันธมิตร และคู่ค้า และรองรับการลงทุนหรือ ร่วมทุนจากพันธมิตรที่สนใจในอนาคต

2.บริษัท สบาย ฟูลฟิลเมนท์ จำกัด ทุนจดทะเบียน 200,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 20,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ซึ่งบริษัทถือหุ้น 99% เพื่อดำเนินธุรกิจในการลงทุนในบริษัทด้าน Fulfillment Service ได้แก่ การให้เช่าคลังสินค้า พร้อมบริการจัดส่ง ซึ่งเหมาะกับธุรกิจการค้าขายออนไลน์หรือธุรกิจ E-Commerce และรองรับการลงทุนหรือร่วมทุนจากพันธมิตรที่สนใจในอนาคต

3.บริษัท สบาย อินฟราสตรัคเจอร์ จำกัด ทุนจดทะเบียน 100,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 10,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ซึ่งบริษัทถือหุ้น 99% เพื่อศึกษาและลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนยี (IT Infrastructure) เช่น Data Center และ/หรือ Cloud Services เป็นต้น เพื่อสร้างศักยภาพในการแข่งขันให้กับ ecosystem และพันธมิตรของกลุ่มบริษัท

Back to top button