“แบงก์” วิ่งยกแผง หลัง “กนง.” เสียงแตกจ่อเร่งขึ้นดบ. โบรกชู KBANK ท็อปพิก เป้า 190 บ.

“กลุ่มแบงก์” วิ่งยกแผง หลัง “คณะกรรมการนโยบายการเงิน” เสียงแตกจ่อเร่งขึ้นดบ. เร็วขึ้น คาดจะขึ้นดบ.ปลายปีนี้ โบรกชู KBANK ท็อปพิก เป้า 190 บ. มอง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (9 มิ.ย.2565) ณ เวลา 10:31 น. ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น นำโดยธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK อยู่ที่ระดับ 149.50 บาท เพิ่มขึ้น 5 บาท หรือ 3.46% โดยทำจุดสูงสุดที่ 150 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 144.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.37 พันล้านบาท

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL อยู่ที่ระดับ 133 บาท เพิ่มขึ้น 5.50 บาท หรือ 4.31% โดยทำจุดสูงสุดที่ 133.50 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 127.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.59 พันล้านบาท

บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB อยู่ที่ระดับ 112 บาท เพิ่มขึ้น 3 บาท หรือ 2.75% โดยทำจุดสูงสุดที่ 112.50 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 108.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 938.92 ล้านบาท

ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB อยู่ที่ระดับ 15.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือ 1.95% โดยทำจุดสูงสุดที่ 15.80 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 15.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 346.98 ล้านบาท

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB อยู่ที่ระดับ 1.27 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท หรือ 3.25% โดยทำจุดสูงสุดที่ 1.27 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 1.23 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 292.85 ล้านบาท

บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมอง Overweight ต่อกลุ่มแบงก์ จากที่ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงอัตราดอกเบี้ยแต่เสียงแตกทำให้มีแนวโน้มขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต จับตาการประชุม กนง.นัดถัดไป (10 ส.ค.2565) หลัง ธปท.ส่งซิกจ่อขึ้นดอกเบี้ยเพื่อลดความร้อนแรงทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ และเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายต่อครัวเรือน โดยวานนี้ที่ประชุม กนง. มีมติ 4 ต่อ 3 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ต่อปี โดย 3 เสียงเห็นควรให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี และได้มีการปรับประมาณการ GDP ปีนี้เป็น 3.3% จากมุมมองเดิมที่ 3.2% และปรับกรอบเงินเฟ้อปีนี้จาก 4.9% เป็น 6.2%

โดยทางฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นบวกต่อกลุ่มธนาคาร เพราะมีโอกาสที่ กนง. จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วขึ้นจากเดิมที่คาดไว้ว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 โดยคาดว่าแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยน่าจะเกิดได้เร็วที่สุดในช่วงปลายปี 2565 ซึ่งจะขึ้นได้ราว 0.25% และจะขึ้นอีกรอบในปี 2566 อีก 1 ครั้งอีก 0.25% เพื่อเป็นการสกัดกั้นเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยมีการประเมินเบื้องต้นว่า อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขึ้นทุกๆ 0.25% จะมี upside ต่อประมาณการกำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารราว 3-4% ซึ่งธนาคารขนาดใหญ่จะได้ประโยชน์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นโดยตรง โดยกลุ่มธนาคารทางฝ่ายวิจัยยังคงให้น้ำหนักเป็น “มากกว่าตลาด” เพราะ valuation ยังถูก เทรดที่ระดับ PBV เพียง 0.83 เท่า

อย่างไรก็ดีทางฝ่ายวิจัยเลือก KBANK เป็น Top pick ราคาเป้าหมายที่ 190 บาท อิงค่า PBV ปี 2565 ที่ 0.90 เท่า เพราะเป็นธนาคารที่เน้น Digital และยังเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำด้าน Digital ต่อเนื่องซึ่งจะเห็นความชัดเจนได้ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป และสินเชื่อภาคการท่องเที่ยว (สัดส่วนราว 20% ของสินเชื่อรวม) จะทยอยเห็นการฟื้นตัวได้ดีในครึ่งหลังปี 2565 จากการเริ่มเปิดประเทศเต็มรูปแบบ

Back to top button