“ดาวโจนส์” ดิ่งกว่า 700 จุด กังวลเฟดใช้ยาแรงขึ้นดอกเบี้ย 0.75%

“ดาวโจนส์” ดิ่งกว่า 700 จุด กังวลเฟดใช้ยาแรงขึ้นดอกเบี้ย 0.75% หวังสกัดเงินเฟ้อพุ่ง โดย ณ เวลา 21.19 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 30,654.13 จุด ลบ 738.66 จุด หรือ 2.35%


ผู้สื่อข่าวรายงวานว่า ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดดิ่งลงกว่า 700 จุดในวันนี้(13มิ.ย.2565) ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะฉุดเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย

โดย ณ เวลา 21.19 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 30,654.13 จุด ลบ 738.66 จุด หรือ 2.35% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ร่วงลง 3.24% และดัชนี Nasdaq ทรุดตัวลง 3.84%

ส่วนหุ้นทุกกลุ่มปรับตัวลงในวันนี้ นำโดยกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันที่ร่วงลงในตลาดโลก

ขณะที่ ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 800 จุดเมื่อวันศุกร์ หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่สูงเกินคาด ซึ่งอาจทำให้เฟดต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 4.58% ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยปรับตัวลง 10 ใน 11 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ดิ่งลงกว่า 5% และปรับตัวลง 9 ใน 10 สัปดาห์ที่ผ่านมา

หากพิจารณาตั้งแต่ต้นปี 2565 ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 13.6% ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ดิ่งลง 18.2% และ 27.5% ตามลำดับ

ตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve ในวันนี้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีดีดตัวสูงกว่าอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย. ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าเฟดจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 5 ปีได้ดีดตัวสูงกว่าอายุ 10 ปีและ 30 ปีในวันนี้

ตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นดีดตัวเหนือพันธบัตรระยะยาว ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ที่ผ่านมา ภาวะ inverted yield curve มักเกิดขึ้นจากการที่นักลงทุนพากันเทขายพันธบัตรระยะสั้น และเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาว ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในระยะสั้น โดยนักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะได้รับผลกระทบจากการที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ก่อนหน้านี้ เหตุการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 5 ปีพุ่งขึ้นสูงกว่าพันธบัตรอายุ 30 ปีได้เกิดขึ้นในปี 2549 ก่อนที่จะเกิดวิกฤตการเงินทั่วโลกในเวลาเพียงไม่กี่ปีถัดมา

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า 50% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 14-15 มิ.ย. เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียง 5% ก่อนหน้านี้

นักวิเคราะห์จากหลายสำนักต่างคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2537 เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ

ด้านนักวิเคราะห์จากบาร์เคลยส์และเจฟเฟอรีส์คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมสัปดาห์นี้เช่นกัน ส่วนนักวิเคราะห์จากบีเอ็นวาย เมลลอนคาดว่าเฟดจะจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมสัปดาห์นี้ จากเดิมที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 0.50%

ส่วนนักวิเคราะห์จาก Swissquote Bank ระบุว่า “ขณะนี้เฟดมีโอกาสมากกว่า 50% ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนก.ค. และมีโอกาส 14% ที่จะปรับขึ้นถึง 1.00% นี่เป็นสิ่งที่เฟดจะดำเนินการหลังการประกาศตัวเลข CPI เมื่อวันศุกร์”

Back to top button