PLUS บวก 4% “ออลไทม์ไฮ” มั่นใจครึ่งหลังโตต่อ ย้ำเป้ารายได้ปีนี้แตะ 1.5 พันลบ.

PLUS แรลลี่ยาว! บวกอีก 4% “ออลไทม์ไฮ” มั่นใจครึ่งปีหลังโตดีต่อเนื่อง ย้ำเป้ารายได้ปีนี้แตะ 1.5 พันลบ. โต 50% กำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 30%


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(1ก.ย.65) ราคาหุ้นบริษัท โรแยล พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ PLUS ณ เวลา 11:31 น. อยู่ที่ระดับ 8.30 บาท บวก 0.35 บาท หรือ 4.40% ราคาสูงสุด 8.35 บาท ราคาต่ำสุด 7.90 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย  156.28 ล้านบาท ราคาหุ้นนิวไฮตั้งแต่เข้าตลาดเมื่อวันที่ 20 พ.ค.65

โดยก่อนหน้านี้นายพลแสง แซ่เบ๊  กรรมการผู้อำนวยการ PLUS เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้อยู่ที่ 1,500 ล้านบาท เติบโต 50% จากปีก่อนที่บริษัทมีรายได้ 1,009.5 ล้านบาท และมั่นใจจะสามารถดำเนินงานได้ตามเป้า โดยประเมินว่าผลประกอบการงวดครึ่งปีหลังของปี 2565 (ก.ค.-ธ.ค. 65) จะเติบโตต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย. 65) ที่บริษัทมีรายได้ 833.5 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายในปี 2565 จะมีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ไม่ต่ำ 30%

ทั้งนี้เนื่องจากยอดขายตลาดสหรัฐอเมริกาจะยังเติบโตดีมากในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่ครึ่งปีแรกเติบโตถึง 157.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ตลาดจีนจะชะลอการเติบโตลงจากผลกระทบการล็อกดาวน์ประเทศเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ก็ได้ตลาดสหรัฐอเมริกามาช่วยชดเชย อีกทั้งคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังนี้ประเทศจีนจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ลง ซึ่งจะช่วยหนุนยอดขายของบริษัทด้วย

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยหนุนจากกรณีที่เงินบาทอ่อนค่า ซึ่งส่งผลดีต่อบริษัท ที่มีสัดส่วนรายได้จากการส่งออก 99.8%, ค่าระวางเรือเริ่มปรับตัวลดลงโดยฉพาะเส้นทางสหรัฐอเมริกาที่เป็นตลาดหลักของบริษัท และมีเรือเพียงพอต่อการขนส่งไม่ขาดแคลนเช่นช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งการที่ค่าระวางเรือลดลงนั้นจะเป็นผลดีต่อลูกค้าที่เป็นผู้รับผิดชอบค่าขนส่งเอง ลูกค้าก็จะมีส่วนต่างกำไรมากขึ้น และขายสินค้าได้มากขึ้น

ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีแผนรุกตลาดด้วยการออกงานแสดงสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ต้องหยุดไป 2 ปีจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 โดยวันที่ 9-10 กันยายนนี้บริษัทจะเปิดตัวสินค้าเครื่องดื่มน้ำมะพร้าว MABU ในงานมหกรรมอาหารแห่งอนาคต ที่สามย่านมิตรทาวน์ และในเดือน ตุลาคมนี้ บริษัทจะร่วมออกงานแสดงสินค้าที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งการพบเจอลูกค้าจะทำให้การนำเสนอสินค้ามีประสิทธิภาพกว่าการติดต่อผ่านช่องทางออนไลน์

ส่วนกรณีราคาวัตถุดิบนั้น ยังไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญต่อบริษัท จึงยังไม่มีแนวคิดปรับขึ้นราคาสินค้าในช่วงนี้ เนื่องจากลูกค้าของบริษัทอยู่ระหว่างช่วงฟื้นตัวหลังสถานการณ์โควิด-19 และบริษัทสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการจัดซื้อสต๊อกไว้ล่วงหน้า มีการทำสัญญาซื้อขายกับเกษตรกร เช่น มะพร้าวที่ขณะนี้ราคายังไม่ผันผวน รวมถึงราคาบรรจุภัณฑ์ที่ปรับขึ้นบ้างแต่ไม่มากนัก  ด้านความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และจีนกับไต้หวันนั้น ยังไม่มีผลกระทบต่อบริษัทที่ต้องกังวล เพียงแต่ต้องคอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเท่านั้น

Back to top button