MAKRO บวก 3% ลุ้น Q3 โตเด่น ลุ้นฟรีโฟลตเพิ่ม-ราคา Laggard

MAKRO บวก 3% ลุ้น Q3/65 โตเด่น รับยอดขายออนไลน์พุ่ง-เกณฑ์ใหม่ตลท. ลุ้นฟรีโฟลตเพิ่ม แถมราคา Laggard


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(7ก.ย.65) บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO ณ เวลา 11:23 น. อยู่ที่ระดับ 35.50 บาท บวก 1.00 บาท หรือ 2.90% ราคาสุงสุด 36.25 บาท ราคาต่ำสุด 34.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 959.37 ล้านบาท

นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า ราคาหุ้น MAKRO ที่ปรับตัวขึ้นมา คาดรับปัจจัยบวกจากตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) เปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์จัดทำดัชนี SET50 และ SET100 ซึ่ง MAKRO ถือว่ามีมาร์เก็ตแคปใหญ่ สามารถเข้าได้ แต่ยังติดปัญหาตรงสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) ต่ำ แต่ล่าสุดทางบมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) มีการส่งสัญญาณปล่อย Free Float เข้ามาเพิ่มเติม น่าจะทำให้เข้าเกณฑ์ของดัชนีฯ ดังกล่าวได้

ทั้งนี้ปัจจัยพื้นฐานในระยะกลาง โดยเฉพาะไตรมาส 4/65 ธุรกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง จากเศรษฐกิจที่ดีขึ้น เงินเฟ้อลดลง รวมถึงราคาหุ้นปัจจุบันถือว่า Laggard ตลาด แนะทยอยซื้อสะสม แนวรับ 34.25 บาท,33.50 บาท

ด้านบล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า MAKRO ยืนยันแผนเพิ่มสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) จากปัจจุบันที่ 13.53% ยังคงนำเสนอแผนแก่ผู้ถือหุ้นบริษัทอย่างต่อเนื่อง แม้ระยะสั้นอาจจะเกิดขึ้นลำบาก เพราะราคา MAKRO ต่ำกว่าต้นทุน CPALL ที่ราว 43.5 บาท หากขายจะทำให้ขาดทุนกดดันส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง แต่ธุรกิจที่น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เชื่อว่าหากมีการขายเพิ่ม Free Float จะช่วยเข้าสู่ดัชนีสำคัญต่างๆ หนุนราคาหุ้นต่อเนื่องจากธุรกิจฟื้นตัว ภายใต้ธีม Consumer ซึ่งราคาหุ้น MAKRO ที่ยัง Laggard เชื่อว่าตลาดมีโอกาสสลับกลับมาเพิ่มน้ำหนักในระยะถัดไป มองลงทุนได้ทั้งเก็งกำไรระยะสั้นและลงทุนระยะกลาง-ยาว           

นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจค้าส่งแม็คโคร บมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO) เปิดเผยว่า แนวโน้มของธุรกิจค้าส่งในกลุ่มของ MAKRO ช่วงไตรมาส 3/65 ยังเห็นการเติบโตที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงเดือนก.ค.-ส.ค. 65 ที่ผ่านมายอดขายเติบโตแล้ว 10% และในช่วงต้นเดือนก.ย.นี้ ยังคงเห็นแนวโน้มที่ดีของยอดขายที่มาจากสาขาของ MAKRO เติบโตใกล้เคียง 10% จากการที่กลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการที่เป็นลูกค้าหลักกลับมาเปิดธุรกิจตามปกติ และการท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัว ทำให้มีการสั่งซื้อสินค้าจากสาขาของ MAKRO เข้ามาต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มร้านอาหาร โรงแรม ธุรกิจจัดเลี้ยง และสปา เป็นต้น

ขณะที่ในช่วงไตรมาส 4/65 หรือในช่วงไตรมาส 1/66 คาดว่าจะมีปัจจัยหนุนที่เข้ามาสนับสนุนยอดขายให้กับธุรกิจค้าส่ง จากบริการทางด้านออนไลน์ที่บริษัทได้เพิ่มเริ่มเปิดให้บริการไปในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์ของบริษัทที่ต้องการต่อยอดการขายจากร้านสาขา MAKRO ไปยังช่องทางอื่นๆ เพื่อต่อยอดการเติบโตของยอดขายนอกสาขา

“การเติบโตของเราหลังจากเปิดประเทศแล้ว เราเห็นคนกลับมาซื้อในสาขามากขึ้น แต่ตอนนี้เราต้องคิดต่อว่าเราจะเติบโตออกมาไปข้างนอกอย่างไร นำของที่เราขายออกไปขายข้างนอกอย่างไร จากการใช้สาขาที่เรามีอยู่ให้เป็นประโยชน์ ซึ่งเรามีการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ ทีมขายที่จะส่งสินค้าไปขายให้กับร้านค้า ผู้ประกอบการข้างนอก และบริการออนไลน์ ซึ่งจะเริ่มเห็นผลชัดเจนในช่วงไตรมาส 4 นี้ หรือช่วงไตรมาส 1 ปีหน้า” นางเสาวลักษณ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าในช่วง 1-2 ปีนี้ยังคงเป็นช่วงที่บริษัทมีการวางรากฐานในการพัฒนาและแพลตฟอร์มต่างๆในกลุ่ม เพื่อทำให้สามารถขยายและต่อยอดการให้บริการต่างๆได้มากกว่าการขายเฉพาะในสาขา และเพิ่มความสะดวกในการให้บริการแก่ลูกค้า รวมถึงสามารถขยายฐานลูกค้าออกไปได้มากขึ้น ทำให้บริษัทยังคงต้องมีการลงทุนด้านระบบและเทคโนโลยีอย่างมาก ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการลงทุนยังอยู่ในระดับสูง การทำกำไรอาจจะยังไม่เห็นผลชัดเจนในช่วง 1-2 ปีนี้ แต่จะเห็นยอดขายที่เติบโตมากขึ้นอย่างต่อเนื่องมาเป็นสิ่งแรกก่อน

นายสมพงษ์ รุ่งนิรีติศัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจโลตัสประเทศไทย กล่าวว่า แนวโน้มของธุรกิจค้าปลีกในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะเห็นยอดขายพลิกกลับมาเป็นบวกได้ จากครึ่งปีแรกหดตัวลงราว 1% จากการที่เป็นช่วงเริ่มกลับมาเปิดเมืองและเปิดประเทศอย่างเต็มที่ ทำให้ยอดขายค่อยๆเห็นการฟื้นตัวกลับมาทั้งสาขาในไทยและมาเลเซีย ซึ่งในช่วงเดือน ก.ค. มาถึงปัจจุบัน ยอดขายสาขาเดิมของโลตัส (SSSG) ได้กลับมาเป็นบวกขึ้นแล้ว โดยเพาะในประเทศไทยที่สามารถพลิกกลับมาเป็นบวกได้ และยอดขายในมาเลเซียยังมีการเติบโตกลับมาในระดับที่สูง

ขณะเดียวกันในส่วนของพื้นที่เช่าของสาขาโลตัส ได้มีแนวโน้มที่ดีกลับมาต่อเนื่อง จากผู้เช่าต่างๆเริ่มกลับมาเช่าพื้นที่เปิดร้านค้ามากขึ้น โดยที่ปัจจุบันอัตราการเช่าพื้นที่ในสาขาของโลตัสได้ปรับเพิ่มมาที่ 91-92% จากช่วงไตรมาส 2/65 ที่ 89% สะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวและความมั่นใจของผู้ประกอบการต่างๆที่เห็นแนวโน้มที่ดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยหนุนที่สำคัญที่สร้างการเติบโตให้กับโลตัสในปีนี้

นอกจากนี้ในส่วนของการขายผ่านช่องทางออนไลน์ยังคงเห็นการสั่งซื้อที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งบริการ Next Day Delivery และ On Demand ซึ่งคาดว่าจะเห็นปริมาณการสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์สูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ และทำให้สัดส่วนยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ของโลตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 4%

นางเสาวลักษณ์ เสริมตอนท้ายว่า ปัจจุบันทีมบริหารของ MAKRO อยู่ระหว่างการนำเสนอให้ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ MAKRO พิจารณาในเรื่องการเพิ่มสภาพคล่องของหุ้น (Free Float) เพิ่มขึ้นไปที่ระดับ 15% ซึ่งจำเป็นที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ในกลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์จะต้องมีการพิจารณาในการขายหุ้นออกมา เพื่อทำให้หุ้น MAKRO มีสภาพคล่องมากขึ้น เป็นไปตามเกณฑ์ที่บริษัทต้องการเข้าสู่การคิดคำนวณในดัชนี DJSI และการเป็นบริษัทที่ยั่งยืน ซึ่งยังคงต้องรอการพิจารณาจากผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท

Back to top button