JWD บวก 6% จับตางบ Q3 เด่น มั่นใจดันรายได้ปีนี้แตะ 6 พันล้าน

JWD บวก 6% จับตางบ Q3/65 เด่น มั่นใจดันรายได้ปีนี้แตะ 6 พันล้าน โบรกแนะซื้อเป้า 23 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (17 ต.ค.65) ราคาหุ้น บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ณ เวลา 10:27 น. อยู่ที่ระดับ 19.60 บาท บวก 1.10 บาท หรือ 5.95% สูงสุดที่ระดับ 19.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 19.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 130.66 ล้านบาท สำหรับอัพไซด์มาจากการนำราคาหุ้น ณ ปัจจุบันมาคำนวณกับราคาเป้าหมายที่ทางฝ่ายวิจัยได้ให้ไว้ จึงมีอัพไซด์ อยู่ที่ 30%

ด้านนายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JWD เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของปี 2565 จะเติบโตดี เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก สะท้อนจากผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2565 ที่เดือน ก.ค. 2565 จนถึงปัจจุบันอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยเฉพาะเดือน ส.ค. 2565 การฟื้นตัวของธุรกิจรับฝาก และบริหารยานยนต์ ค่อนข้างโดดเด่น เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2565 เนื่องจากบริษัทได้รับงานให้บริการโลจิสติกส์แก่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ส่งผลดีต่อรายได้ และกำไรขั้นต้นของธุรกิจดังกล่าว

ขณะที่ธุรกิจบริหารท่าเทียบเรือชายฝั่งขนส่งสินค้า (Barge Terminal) สามารถให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างเต็มที่ และมีปริมาณงานเฉลี่ยต่อเดือนสูงกว่าช่วงครึ่งปีแรก ส่วนธุรกิจคลังสินค้า ได้แก่ คลังสินค้าทั่วไปภายในพื้นที่เขตปลอดอากรท่าเรือแหลมฉบัง ปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่เต็ม และคลังสินค้าอันตราย ที่คาดว่าจะมีรายได้สูงกว่าครึ่งปีแรก

ทั้งนี้บริษัทยังรับรู้รายได้จากคลังสินค้าห้องเย็นแห่งใหม่ ได้แก่ คลังสินค้าห้องเย็น PACM ร่วมทุนกับบริษัท เอ็ม เอ็ม พี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด พื้นที่รวม 10,800 ตารางเมตร (ตร.ม.) จัดเก็บสินค้าได้ 20,000 พาเลท ปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่เต็ม หลังเปิดบริการเพียง 3-4 เดือน และคลังสินค้าห้องเย็น PACS จ.สระบุรี ที่เปิดบริการเมื่อเดือน ส.ค. 2565 พื้นที่รวม 8,000 ตร.ม. จัดเก็บสินค้าได้ 11,000 พาเลท ซึ่งติดตั้งระบบ ASRS ในการจัดเก็บ และบริหารสินค้า ช่วยลดการเพิ่มแรงงาน

ด้านธุรกิจห้องเก็บของส่วนตัวให้เช่า (Self-Storage) อยู่ระหว่างวางแผนขยายการลงทุนร่วมกับพันธมิตร อย่างบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN และ Fuze Post ธุรกิจให้บริการขนส่งด่วนแบบควบคุมอุณหภูมิที่บริษัทร่วมทุนกับไปรษณีย์ไทย และแฟลช เอ็กซ์เพรส คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และธุรกิจในต่างประเทศ เช่น ธุรกิจฟู้ดเซอร์วิสในไต้หวัน ที่ทำกำไรต่อเนื่องในปีนี้, ธุรกิจในกัมพูชา ที่คาดว่าจะรับรู้รายได้การขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาธุรกิจเพิ่มเติม โดยมีโอกาสจะปิดดีลได้ภายในไตรมาส 4/2565 และยังวางแผนรับมือผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ด้วยการลงทุนรถขนส่งที่ใช้เชื้อเพลิงจากพลังงานไฟฟ้าเฟสแรก 10 คัน และมีเงื่อนไขปรับขึ้นค่าขนส่งกับคู่ค้าในกรณีที่ราคาน้ำมันในตลาดสูงขึ้น

ดังนั้นบริษัทยังคงเป้าหมายภาพรวมผลการดำเนินงานของปี 2565 จะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท เติบโต 15% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีรายได้รวม 5,293.32 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกมีรายได้รวมแล้ว 2,788.41 ล้านบาท

นายชวนินทร์ กล่าวต่อว่า บริษัทขยายธุรกิจภายใต้แผนยุทธศาสตร์ 5 ปี (2564-2568) บริษัทมุ่งสู่เป้าหมายรายได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท และเพิ่มอัตรากำไรสุทธิเป็น 15% ปัจจุบันมีความคืบหน้าตามแผนงาน ได้แก่ 1. การเข้าซื้อกิจการ และขยายธุรกิจขนส่งสินค้า เพื่อก้าวเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบ Multimodal Transportation เช่น การเข้าซื้อกิจการบริษัท วีเอ็นเอส ทรานสปอร์ต จำกัด (VNS) ในปีที่ผ่านมา 2. การขยายธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็นในจังหวัดที่มีศักยภาพ 3. การขยายธุรกิจต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นประเทศเวียดนาม กัมพูชาและอินโดนีเซีย

4.การขยายธุรกิจแบบ B2C (Business to Customer) ได้แก่ ธุรกิจห้องเก็บของส่วนตัวให้เช่า, ธุรกิจ Order Fulfillment (การจัดการคลังสินค้าออนไลน์) เพื่อตอบสนองการขยายตัวของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และโซเชียลคอมเมิร์ซ และการขยายธุรกิจ Last mile Delivery เพื่อให้บริการจัดส่งสินค้าจากคลังสินค้าไปถึงผู้รับปลายทาง และ 5. การขยายธุรกิจผ่านการร่วมทุน ได้แก่ การร่วมทุนกับ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI จัดตั้งบริษัทร่วมทุน “แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น” ขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่ออุตสาหกรรมแบบครบวงจร ปัจจุบันได้ร่วมกันพัฒนาคลังสินค้าห้องเย็น และคลังสินค้าทั่วไปที่มีระบบควบคุมอุณหภูมิในย่านบางนา กม.22 และวางแผนขยายการลงทุนโครงการใหม่อีก 2 แห่งในย่านบางนา กม.19 และรังสิต

นอกจากนี้ ในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า มองว่าธุรกิจโลจิสติกส์ และซัพพลายเชนจะแข่งขันกันที่ความหลากหลายของการให้บริการ และความสามารถในการควบคุมต้นทุน โดยบริษัทจะขยายธุรกิจ และการลงทุนด้านเทคโนโลยี เพื่อยกระดับ JWD เป็น “Smart Green Logistics” เช่น การลงทุนระบบโรโบติกส์ในธุรกิจคลังสินค้าและคลังสินค้าห้องเย็น เพื่อลดการเพิ่มแรงงานใหม่, การลงทุนด้านไอทีโซลูชั่นเพื่อจัดการข้อมูลระบบซัพพลายเชน, การลงทุนในเทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

“จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ตอกย้ำถึงศักยภาพการปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อรับมือกับปัจจัยต่าง ๆ และการพัฒนาธุรกิจอยู่ตลอดเวลาและบริการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจที่เป็นเทรนด์การเติบโต กล้าที่จะทำสิ่งใหม่ ๆ สอดคล้องกับ DNA ของบริษัทฯ ‘Think Everything Logistics’ ที่สื่อความหมายว่าทุกลมหายใจของพนักงานคือโลจิสติกส์ ภายใต้สโลแกนใหม่ ‘เพราะโลจิสติกส์ไม่ใช่แค่คิด แต่มันคือชีวิตของเรา” นายชวนินทร์ กล่าว

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า แนวโน้มกำไรไตรมาส 3/65 และไตรมาส 4 จะดีขึ้นตามฤดูกาลและธุรกิจใหม่ที่เริ่มดำเนินการห้องเย็นโตดีมาก โดย PACM Cold Storage ปัจจุบันเต็ม 100% ห้องเย็นที่สระบุรีจะเริ่มให้บริการ ต.ค. นี้ ส่วน PACT ที่ร่วมกับ TU จะเปิดบริการไตรมาส 1/66 ซึ่งคลังสินค้ามี Occupancy Rate เต็มเกือบตลอดเวลา

ขณะที่ Self-Storage จะเปิดสาขาเพิ่มเดือนละ 1 สาขาร่วมกับ CPN ตั้งเป้าพื้นที่ให้บริการ 1 แสนตรม. ภายใน 5 ปี ผู้บริหารยังคงเป้ารายได้ 1 หมื่นล้านบาท Net margin 15% ภายในปี 2568-2569 เชื่อว่าเป็นไปได้ คงประมาณการกำไรปี 2565 โต 32% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และปี 2566 โต 15% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แนะนำราคาเป้าหมาย 23 บาท

Back to top button