TKN พุ่งกระฉูด 13% นิวไฮเกือบ 2 ปี แย้ม Q4/65 ยอดขายใน-ต่างประเทศโตต่อเนื่อง 

TKN พุ่งกระฉูด 13% นิวไฮรอบเกือบ 2 ปี แย้มไตรมาส 4/65 ยอดขายในไทยและต่างประเทศโตต่อเนื่อง เตรียมจ่ายปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.08 บาท ขึ้น XD 23 พ.ย.นี้  


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(21 พ.ย.65) ราคาหุ้นบริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ณ เวลา 10:42 น. อยู่ที่ระดับ 11.20 บาท บวก 1.25 บาท หรือ 12.56% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 222.26 ล้านบาท ราคาหุ้นนิวไฮรอบ 1 ปี 9 เดือน โดยเทียบตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 11.20 บาท เมื่อวันที่ 19 ก.พ.64

โดยก่อนหน้านี้นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TKN เปิดเผยว่า แนวโน้มของธุรกิจในไตรมาส 4/65 บริษัทคาดว่าการฟื้นตัวของยอดขาย ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มมีแรงผลักดันยอดขายจากจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศไทยและอีกหลาย ๆ ประเทศที่เพิ่มขึ้นด้วย

ขณะเดียวกันบริษัทยังมุ่งเน้นการสร้างนวัตกรรมสินค้าใหม่ และสินค้าที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมา อีกทั้งบริษัทได้ทำการตลาดเพื่อเพิ่มยอดขายตลาดต่างประเทศจากประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดี โดยมุ่งเน้นเรื่องของการขยายฐานลูกค้าและสินค้าใหม่ ๆ นอกจากนี้ แนวโน้มสถานการณ์การขนส่งทางเรือที่ดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/65 จะทำให้การจัดหาตู้คอนเทนเนอร์ในการส่งออกเป็นไปได้อย่างเพียงพอและมีต้นทุนค่าขนส่งที่ควบคุมได้

ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 3/65 บริษัทมีกำไรสุทธิ 179.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 835% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 19.25 ล้านบาท และมีรายได้จากการขาย 1,208.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 830.7 ล้านบาท ส่งผลให้ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 65 (ม.ค.-ก.ย.) บริษัทมีกำไรสุทธิ 313.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 221% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 97.69 ล้านบาท และมีรายได้จากการขาย 3,135.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 2,533.7 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/65 ที่เติบโต นับเป็นไตรมาสที่บริษัทกลับมาสร้างยอดขายสูงสุด (New High) ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (นับตั้งแต่มีสถานการณ์โควิด-19 ในต้นปี 2563) โดยเป็นการเติบโตทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ

ซึ่งเป็นการเติบโตทั้งจากสินค้าใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มสาหร่ายอบควบคู่ไปกับการเติบโตจากการขยายช่องทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย และเวียดนาม ที่มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในปีนี้

“การเติบโตที่ดีขึ้นมาจากทั้งปัจจัยภายนอกจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่อนคลายขึ้น ทำให้ผู้บริโภคเริ่มกลับมาใช้จ่ายและเริ่มมีปริมาณนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมทั้งปัจจัยภายในของบริษัทในการมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของการผลิตควบคู่ไปกับการบริหารค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการขายและการตลาดให้มีประสิทธิผลสูงสุดในกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นเป้าหมายทั้งในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์”

นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลครั้งที่ 2 จากผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 ก.ค.-30 ก.ย.65 เป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท ซึ่งกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 23 พ.ย.65 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 7 ธ.ค. 65

Back to top button