นายก ยินดีภาคเอกชนญี่ปุ่น ให้ความมั่นใจเศรษฐกิจไทย คาด GDP ปี 66 โตต่อเนื่อง

นายกรัฐมนตรี เป็นปลื้มหลังได้รับทราบรายงานแนวโน้มทางเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย ประจำครึ่งปีหลัง พ.ศ. 2565 พบว่า ภาคเอกชนญี่ปุ่นยังคงให้ความเชื่อมั่นต่อศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทย


เมื่อวันที่ 17 ก.พ.66 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงานผลสำรวจแนวโน้มทางเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย ประจำครึ่งปีหลัง พ.ศ. 2565 ซึ่งจัดทำโดยหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ (Japanese chamber of commerce, Bangkok: JCCB) พร้อมทั้งยินดีที่ภาคเอกชนญี่ปุ่นยังคงให้ความเชื่อมั่นต่อศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทย รวมทั้งมีแผนที่จะขยายการลงทุนมากขึ้น โดยคาดการณ์ GDP ปี 2566 จะเติบโตมากขึ้นจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง

ทั้งนี้จากผลการสำรวจฯ คาดการณ์ว่า ดัชนีแนวโน้มเศรษฐกิจ (Diffusion Index: DI) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 จะอยู่ที่ 28 สูงขึ้นจากช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ 21 โดยผู้ประกอบการญี่ปุ่นคาดว่า การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวขาเข้าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ และปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบและชิ้นส่วนจะได้รับการแก้ไข นอกจากนี้ ผู้ประกอบการญี่ปุ่นร้อยละ 33 มีแนวโน้มจะขยายกิจการ และอาจย้ายฐานจากประเทศอื่นมายังประเทศไทย อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการญี่ปุ่นยังคงมองว่า ปัญหาราคาพลังงานสูง เงินเฟ้อ และดอกเบี้ยเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ

อย่างไรก็ดี หอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ สำรวจแนวโน้มทางเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในประเทศไทยเป็นประจำทุกปี ปีละ 2 ครั้ง โดยในครั้งนี้ได้ทำการสำรวจบริษัทสมาชิก ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 23 ธันวาคม 2565 โดยรายงานการสำรวจนี้ ถือเป็นการสำรวจเดียวที่สะท้อนสภาพธุรกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในประเทศไทยได้อย่างครอบคลุม และเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลไทยในการปรับปรุงและแก้ปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนของภาคเอกชนญี่ปุ่น ซึ่งมีสัดส่วนการลงทุนในประเทศไทยเป็นลำดับต้น ๆ

โดยนายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้ขานรับแนวนโยบายของรัฐบาลบูรณาการการทำงานส่งเสริมและผลักดันให้เกิดการลงทุนจากต่างประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนร่วมกันสร้างสภาพแวดล้อม ศักยภาพที่เอื้อต่อการลงทุน สร้างความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศมหาศาล โดยในปี 2565 มีมูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศ สูงถึง 433,971 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 36 จากปี 2564 ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกำชับทุกหน่วยงานเร่งแก้ปัญหาและลดอุปสรรคต่อการลงทุน พร้อมทั้งสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุน สนับสนุนการแข่งขันของประเทศในภูมิภาค.

Back to top button