ครม.ไฟเขียวขยายเวลา “ผ่อนสินเชื่อโควิด” ฟรีแลนซ์เป็น 5 ปี

คณะรัฐมนตรี เห็นชอบให้ขยายเวลาชำระเงินกู้โครงการสินเชื่อผู้มีอาชีพอิสระ หรือสินเชื่อสู้ภัยโควิด จาก 3 ปี เป็น 5 ปี ช่วยลูกหนี้ประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน และป้องกัน NPL พุ่ง


นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี หรือ ครม. เห็นชอบให้ขยายเวลาชำระเงินกู้โครงการสินเชื่อผู้มีอาชีพอิสระ หรือสินเชื่อสู้ภัยโควิด ที่ ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ให้วงเงินกู้ช่วยเหลือประชาชนคนละ 10,000 บาท เพิ่มอีก 2 ปี จากเดิมไม่เกิน 3 ปี เป็นไม่เกิน 5 ปี สิ้นสุดระยะเวลากู้วันที่ 24 มีนาคม 2568 เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงินและมีรายได้ไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้ได้ตามกำหนด ซึ่งจะส่งผลต่อประวัติการชำระหนี้ในระบบเครดิตบูโร ทำให้ขาดโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงิน

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้ให้ความสำคัญกับการดูแลผู้ประกอบการและประชาชนอย่างต่อเนื่อง ทั่วถึง และเพียงพอ โดยติดตามผลการดำเนินมาตรการอยู่เป็นระยะ รวมถึงพิจารณาข้อจำกัดและปัญหาอุปสรรคของการดำเนินมาตรการ รวมทั้งปรับปรุงและออกมาตรการที่เหมาะสมกับสถานการณ์เพื่อดูแลประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบอย่างทันท่วงทีต่อไป

ทั้งนี้ ธนาคารออมสิน ได้อนุมัติสินเชื่อสู้ภัยโควิด ให้ประชาชนทั้งหมด 1.98 ล้านราย คิดเป็นวงเงิน 1.99 หมื่นล้านบาท ล่าสุดเหลือวงเงินที่ยังคงค้างชำระอยู่ 6.66 พันล้านบาท ส่วน ธ.ก.ส.อนุมัติสินเชื่อสู้ภัยวิด ไปทั้งสิ้น 9.1 แสนราย คิดเป็นวงเงิน 9.08 พันล้านบาท และยังคงเหลือวงเงินที่ค้างชำระ 2.34 พันล้านบาท

ขณะที่ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า โครงการดังกล่าวเป็นการให้วงเงินสินเชื่อ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด – 19 มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มสภาพคล่องชั่วคราวในการดำรงชีวิตแก่ประชาชนที่มีอาชีพอิสระ เช่น หาบเร่ แผงลอย ลูกจ้างภาคการเกษตร เป็นต้น ซึ่งมีภาระค่าใช้จ่ายจำเป็นหรือภาระหนี้ที่ต้องชำระ เช่น สินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือจำเป็นต้องใช้จ่ายฉุกเฉิน รวมถึงป้องกันการผิดนัดชำระหนี้หรือพึ่งพาสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงหรือสินเชื่อนอกระบบ โดยวงเงินสินเชื่อรวม 40,000 ล้านบาท

Back to top button