
ดอลล์อ่อนค่า หลังเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยตามคาด
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบกับเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (FED) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามคาด ซึ่งนับเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี โดยดอลลาร์ได้ชะลอความแรงลงหลังจากที่พุ่งขึ้นในทันทีหลังมีการเปิดเผยแถลงการณ์เฟด
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0968 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0918 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5054 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5043 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 121.89 เยน จาก 121.76 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9835 ฟรังก์ จาก 0.9903 ฟรังก์ ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7253 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7195 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนแรงลง หลังจากเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ในการประชุมเมื่อวานนี้ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% อยู่ในช่วง 0.25-0.50% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์กันไว้ โดยเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2549 ขณะเดียวกัน เฟดยังส่งสัญญาณว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น และอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ
ดอลลาร์ปรับตัวผันผวนในช่วงแคบๆหลังจากเฟดเปิดเผยแถลงการณ์หลังการประชุม โดยนักวิเคราะห์มองว่าการที่เฟดส่งสัญญาณถึงแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปในอนาคตนั้น เป็นปัจจัยที่ถ่วงดอลลาร์
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงจะดีดตัวแตะ 1.375% ในปลายปี 2559, สู่ 2.375% ในปลายปี 2560 และ 3.25% ในเวลาอีก 3 ปี การคาดการณ์ดังกล่าวบ่งชี้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็นจำนวน 4 ครั้งในปีหน้า, 4 ครั้งในปี 2560 และ 3-4 ครั้งในปี 2561