GULF ดีดบวก 2% โบรกชี้ค่าไฟพ้นจุดต่ำสุด แนะซื้ออัพเป้าใหม่ 54 บ.

GULF ดีดบวก 2% โบรกชี้ค่าไฟพ้นจุดต่ำสุด ค่า Ft ทรงตัวยาวถึงปี 67 อัตรากำไรของโรงไฟฟ้า SPP กลับมาเป็นปกติในปี 68 เป็นต้นไป แนะซื้ออัพเป้าใหม่ 54 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(27ก.ย.66) ราคาหุ้นบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ณ เวลา 14:55 น. อยู่ที่ระดับ 45.00 บาท บวก 1.00 บาท หรือ 2.27% ราคาสูงสุด 45.25 บาท ราคาต่ำสุด 44.00 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 768.60 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ว่ารัฐจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงค่าไฟฟ้าผันแปร หรือ Ft เดือนกันยายน-ธันวาคม 2566 อีกต่อไป และค่า Ft น่าจะยังคงอยู่ที่ระดับนี้ตลอดปี 2567 และคาดว่าอัตรากำไรของโรงไฟฟ้า SPP จะกลับมาเป็นปกติในปี 2568 เป็นต้นไป

ดังนั้นผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าทั้ง BGRIM และ GPSC จึงไม่น่าจะมีเพิ่มเติมไปมากกว่านี้ ขณะที่ GULF รับผลกระทบน้อยสุด หรือแทบจะไม่มีเลย โดยล่าสุดได้ให้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 54 บาทต่อหุ้น จากเดิม 52.30 บาทต่อหุ้น คงคำแนะนำ “ซื้อ”

ทั้งนี้จากการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2566 คณะรัฐมนตรีมีมติให้ลดราคาค่าไฟฟ้าเพิ่มเติมเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2566 เหลือ 3.99 บาท/kWh คิดเป็นค่า Ft ที่ 0.21 บาท/kWh ดังนั้นจึงปรับลดกำไรต่อหุ้นปี 2567 ลง 5.3% และปี 2568 ลง 4.8% และแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงต่อกำไรต่อหุ้นปี 2566

โดยการประมาณการขึ้นอยู่กับราคาก๊าซฯ ใหม่ และสมมติฐาน Ft ของบริษัท  คาดการณ์ราคาก๊าซฯ ในปี 2566-2568 จะอยู่ที่ 405/370/330 บาทต่อล้านบีทียู ตามลำดับ และคาดการณ์ Ft จะอยู่ที่ 0.89/0.21/0.10 บาทต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ตามลำดับ โดยเชื่อว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ อีกต่อไปในเดือนกันยายน-ธันวาคม 2566 อีก

บริษัทคาดแนวโน้มครึ่งปีหลังปี 2566 จะฟื้นตัวได้ แม้ว่าค่า Ft ที่ลดลงในเดือนกันยายน-ธันวาคมนี้ แต่คาดว่ากำไรในครึ่งหลังของปีจะยังคงฟื้นตัวได้ และเติบโต 43.4% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก โดยได้รับแรงหนุนจาก COD ของโรงไฟฟ้า GPD ระยะที่ 2 ในเดือนตุลาคม 2566 และส่วนแบ่งกำไรที่สูงขึ้นจากโรงไฟฟ้าพลังงานลม และส่วนแบ่งกำไรที่สูงขึ้นจากบริษัท ปตท. จำหน่ายก๊าซธรรมชาติ จำกัด หรือ PTT NGD จากต้นทุนก๊าซฯ ที่ลดลง

โดยคาดว่า GULF จะเป็นบริษัทที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาโรงไฟฟ้าทั้งหมด เนื่องจากบริษัทมีพอร์ตการลงทุนที่หลากหลาย และรายได้มากกว่า 70% มาจากการส่งผ่านต้นทุน PPA ที่ขายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ.  ที่กัลฟ์เพิ่งลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะเวลา 29 ปี ในโครงการพลังน้ำในประเทศลาว (ปากเบง ถือหุ้น 49% มีกำลังการผลิตติดตั้ง 912 เมกะวัตต์ หรือ MW และ COD ในปี 2567 นี้ เพื่อขายไฟฟ้าทั้งหมดที่ผลิตได้ให้กับกฟผ.

ส่วน BGRIM เชื่อว่าอัตรากำไรของ SPP จะเริ่มกลับสู่ปกติในปี 2568 เป็นต้นไป เนื่องจากแรงกดดันจากการแทรกแซงของรัฐบาลเกี่ยวกับค่า Ft จะลดลงเนื่องจากราคาก๊าซกลับสู่ปกติ  นอกจากนี้ด้วยจำนวนหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยจำนวนมากที่กฟผ.รับผิดชอบอยู่ จึงคิดว่าสิ่งนี้จะจำกัดข้อเสียของค่า Ft ในปี 2567 เป็นต้นไป คาดว่าคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. จะมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

ทั้งนี้ กกพ.จัดประชุมร่วมกับปตท. หารือแนวทางการปรับลดราคาค่าไฟฟ้า อาจต้องช่วยอุดหนุน และกำหนดราคาก๊าซฯ รวมที่ 304.79 บาท/ล้านบีทียู เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบด้านลบต่อผู้ผลิตไฟฟ้า หากมีข้อสรุปและมีผลบังคับในเดือนกันยายน-ธันวาคม 2566 ก็จะเป็นประโยชน์ต่อ BGRIM และมีส่วนเพิ่มต่อกำไรได้ประมาณ 12% โดยคงคำแนะนำ “ซื้อ”  BGRIM ราคาเป้าหมายใหม่อยู่ที่ 37.0 บาท/หุ้น

ขณะที่บริษัทมีมุมมองเชิงบวกในระยะยาวต่อ GPSC และคิดว่าอัตรากำไร SPP ของบริษัทอาจกลับมาเป็นปกติได้ในปี 2568 คิดว่าแรงกดดันจากการปรับลดค่าไฟฟ้าจะหายไปเมื่อการอุดหนุนราคาก๊าซฯ รวมของ PTT เสร็จสิ้นในเดือน ต.ค. หากราคาก๊าซฯ คงที่ 304.79 บาท/ล้านบีทียู จากเงินอุดหนุนที่มีผลในช่วง ก.ย.-ธ.ค. 2566 ประเมินจีพีเอสซีจะ upside 12% จากปี 2566 อีกเหตุผลหนึ่งคือรัฐบาลจะไม่เข้ามาแทรกแซงค่า Ft อีกต่อไปเมื่อราคาก๊าซฯ กลับสู่ปกติในปี 2567  โดยปรับลดราคาเป้าหมายตาม GPSC จาก  60.30 บาท เป็น 59.0 บาท  แนะนำ “ซื้อ”

รายงานข้อมูล Refinitiv Consensus ของหุ้น GULF โดยประมาณการรายได้รวมปี 2566 ที่ 107,638.91 ล้านบาท ประมาณการกำไรสุทธิ ปี 2566 ที่ 15,287.02 ล้านบาท ราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 60.0 บาท จาก 6 โบรกเกอร์ ส่วนหุ้น BGRIM โดยประมาณการรายได้รวมปี 2566 ที่ 64,117.59 ล้านบาท ประมาณการกำไรสุทธิ ปี 2566 ที่ 2,435.37 ล้านบาท ราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 43.07 บาท จาก 12 โบรกเกอร์ และ GPSC โดยประมาณการรายได้รวมปี 2566 ที่ 107,599.83 ล้านบาท ประมาณการกำไรสุทธิ ปี 2566 ที่ 5,152.83 ล้านบาท ราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 68.70 บาท จาก 12 โบรกเกอร์

X
Back to top button