6 หุ้น “โซลาร์รูฟท็อป” เด้ง! รับรัฐบาลหนุนติดตั้งเกิน 1 เมกฯ ไม่ต้องขอไลเซนส์โรงงาน

SOLAR-GULF- GUNKUL- SUPER- ALT- SAK ราคาเด้ง! รับรัฐบาลได้สั่งการให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมเดินหน้าแก้ไขกฎหมายปลดล็อกให้การผลิตพลังงานไฟฟ้า “โซลาร์รูฟท็อป” กำลังผลิตเกินกว่า 1 เมกะวัตต์ ไม่เข้าข่ายโรงงานที่ต้องขอรับใบอนุญาต


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 ม.ค. 67) ณ เวลา 10:30 น. ราคาหุ้นเกี่ยวข้องกับการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปหลายตัวกอดคอปรับตัวขึ้น หลังปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมเดินหน้าแก้ไขกฎหมายปลดล็อกให้การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากโซลาร์รูฟท็อป  ไม่เข้าข่ายโรงงานที่ต้องขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานอีกต่อไป ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการแก้ไขกฎกระทรวงคาดการณ์ว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในปี 67

สำหรับราคาหุ้นปรับตัวขึ้นนำโดย บริษัท โซลาร์ตรอน จำกัด (มหาชน) หรือ SOLAR ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 0.79 บาท บวก 0.11 บาท หรือ 16.18% สูงสุดที่ระดับ 0.84 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 0.72 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 25.74 ล้านบาท

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF  ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 45.25 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 0.56% สูงสุดที่ระดับ 45.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 45.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 42.97 ล้านบาท

บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 2.86 บาท บวก 0.06 บาท หรือ 2.14% สูงสุดที่ระดับ 2.88 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.84 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 32.84  ล้านบาท

บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 0.43 บาท บวก 0.01 บาท หรือ 2.38% สูงสุดที่ระดับ 0.43 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 0.42  บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย   3.89 แสนบาท

บริษัท เอแอลที เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ALT ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 1.64 บาท บวก 0.01 บาท หรือ 0.61% สูงสุดที่ระดับ 1.64 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.63 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.20 หมื่นบาท

บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SAK  ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 4.32 บาท บวก 0.02 บาท หรือ 0.47% สูงสุดที่ระดับ 4.34 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 4.30 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.55 แสนบาท

ด้านนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมเดินหน้าแก้ไขกฎหมายปลดล็อกให้การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากโซลาร์ รูฟท็อป  ไม่เข้าข่ายโรงงานที่ต้องขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานอีกต่อไป ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการแก้ไขกฎกระทรวง คาดการณ์ว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในปี 67 โดยการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวเป็นไปตามแนวนโยบายของรัฐบาล โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้มีนโยบายผลักดันให้ทุกภาคส่วนใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนโดยเฉพาะพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ เพื่อยกระดับระบบพลังงานไฟฟ้าไทยให้มีความเสถียร ยั่งยืน เป็นพลังงานสะอาดและราคาถูก

โดยจะเป็นจุดแข็งสำคัญที่จะตอบสนองกติกาสากลและช่วยดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศให้เพิ่มมากขึ้น เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศแบบ “ซีโร่คาร์บอน” และนโยบาย “อุตสาหกรรมเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืนคู่ชุมชน” ของ นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม ที่สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด มุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สร้างบรรยากาศในการลงทุน และเน้นย้ำเรื่องการอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนให้มากที่สุด

นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมได้ประสานข้อมูลกับภาคเอกชน เช่น ภาคอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจ ภาคอสังหาริมทรัพย์ ภาคศูนย์การค้า ภาคโรงแรม และภาคบริการ พบว่า ความต้องการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์มีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากราคาพลังงานที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ต้นทุนการติดตั้งโซลาร์เซลล์มีราคาที่ถูกลง ทำให้ปัจจุบันมีผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจที่ประสงค์จะติดตั้งระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ชนิดติดตั้งบนหลังคา เป็นจำนวนมาก เช่น อาคารโรงงาน ศูนย์การค้า โรงแรม มหาวิทยาลัย เป็นต้น

ทั้งนี้ ตามกฎหมายโรงงานเดิมกำหนดว่าการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ที่มีกำลังผลิตเกินกว่า 1,000 กิโลวัตต์ หรือ 1 เมกะวัตต์ เข้าข่ายเป็นโรงงานต้องขอรับใบอนุญาต อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีการผลิตโซลาร์เซลล์มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้ในปริมาณมากโดยใช้จำนวนแผงเซลล์แสงอาทิตย์หรือพื้นที่ติดตั้งลดลงกว่าเดิมถึง 2.7 เท่าเมื่อเทียบกับปี 57 อีกทั้งยังมีมาตรฐานควบคุมด้านความปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

“การปลดล็อกดังกล่าว ไม่เพียงแต่จะช่วยลดต้นทุนในการประกอบธุรกิจจากการติดตั้ง Solar Rooftop ได้ง่ายขึ้น ยังสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 500 tCO2/เมกะวัตต์/ปี เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 62,500 ต้น นับเป็นการผลักดันให้ผู้ประกอบการเกิดการขับเคลื่อนทางธุรกิจอย่างสมดุลและยั่งยืนใน 4 มิติ ทั้งด้านการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจต่างๆ ส่งเสริมการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) การได้รับการยอมรับจากสังคม ความลงตัวกับกติกาสากล ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมสู่อุตสาหกรรมสีเขียวเพื่อโอกาสทางธุรกิจตอบโจทย์ไทยและประชาคมโลก และการกระจายรายได้สู่ชุมชนจากการขยายตัวของธุรกิจติดตั้งโซลาร์เซลล์” นายณัฐพล กล่าว

สำหรับการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดดังกล่าว จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสนับสนุนสำคัญในการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593) และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี ค.ศ. 2065 (พ.ศ. 2608) ของประเทศไทย ต่อไป ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย MIND ใช้หัวและใจปั้นอุตสาหกรรมคู่ชุมชน

Back to top button