หุ้นยุโรปปิดร่วง ตลาดวิตกเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว

ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก รวมทั้งรายงานการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ระบุว่า ความคิดเห็นที่ไม่สอคคล้องกันของคณะกรรมการ ECB นั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้ ECB ไม่สามารถออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากเท่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.5% ปิด (14 ม.ค.) ที่ 339.42 จุด, ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,312.89 จุด ลดลง 79.05 จุด, -1.80%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,794.20 จุด ลดลง 166.76 จุด, -1.67%และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,918.23 จุด ลดลง 42.74 จุด, -0.72%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนที่ส่งสัญญาณชะลอตัวลงอย่างมาก ซึ่งความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้ฉุดหุ้นกลุ่มต่างๆในตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงเกือบทุกกลุ่ม ยกเว้นหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบหลังจาก ECB เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 3 ธ.ค.เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า คณะกรรมการของ ECB มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไปในการประชุมเกี่ยวกับความรุนแรงของผลกระทบจากเศรษฐกิจจีนและตลาดเกิดใหม่อื่นๆที่จะมีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป ซึ่งผลจากความเห็นที่แตกต่างกันดังกล่าวทำให้ ECB มีมติออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ไม่มากเท่ากับที่ตลาดคาดการณ์กันไว้

ทั้งนี้ ECB มีมติขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ไปจนถึงเดือนมี.ค.2560 จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนก.ย.2559 ขณะเดียวกัน ECB ยังได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB สู่ระดับ -0.3% จากเดิมที่ -0.2%

อย่างไรก็ตาม ตลาดคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่านี้ และคาดหวังว่า ECB จะเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรรายเดือน ด้านหุ้นเรโนลท์ เอสเอ ปิดตลาดร่วงลง 10% หลังมีข่าวว่าเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสได้เข้าตรวจค้นสำนักงานหลายแห่งของเรโนลท์ เพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับการใช้ซอฟท์แวร์โกงการปล่อยไอเสีย

Back to top button