ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 115 จุด รับราคาน้ำมันฟื้น-อีซีบีส่งสัญญาณกระตุ้นศก.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 ม.ค.) โดยตลาดได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมัน พร้อมกับขานรับธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม ซึ่งปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ และดัชนี S&P 500 ให้ฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือน


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (21 ม.ค.) ที่ 15,882.68 จุด พุ่งขึ้น 115.94 จุด หรือ +0.74%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,472.06 จุด เพิ่มขึ้น 0.37 จุด หรือ +0.01% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,868.99 จุด เพิ่มขึ้น 9.66 จุด หรือ +0.52%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งเมื่อคืนนี้ หลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB เปิดเผยในการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ว่า ECB จะทำการทบทวนนโยบายการเงินในการประชุมครั้งหน้าในเดือนมี.ค. โดยถ้อยแถลงของนายดรากีเป็นการส่งสัญญาณว่า ECB อาจผ่อนคลายนโยบายมากขึ้น และมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในเดือนมี.ค.

นายดรากีกล่าวว่า ภาวะปั่นป่วนในตลาดการเงิน และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และตลาดเกิดใหม่ จะเป็นปัจจัยทำให้ ECB มีการปรับนโยบายในการประชุมครั้งต่อไป นอกจากนี้ นายดรากียังกล่าวว่า ECB จะพิจารณาขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรออกไปอีก หากมีความจำเป็น ส่วนในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวานนี้ ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงไว้ที่ระดับ 0.05% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ตามความคาดหมายของตลาด ขณะเดียวกัน ECB ได้คงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ -0.3%

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมัน โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 1.18 ดอลลาร์ สู่ระดับ 29.53 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างหนักในช่วงก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามราคาน้ำมัน โดยหุ้นเชฟรอน คอร์ป พุ่งขึ้น 2.6% หุ้นคินเดอร์ มอร์แกน ทะยานขึ้น 16% หุ้นคอนโซล เอนเนอร์จี และหุ้นเซาท์เวสเทิร์น เอนเนอร์จี ต่างก็พุ่งขึ้นราว 19%

การดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและราคาน้ำมัน ช่วยสกัดปัจจัยลบจากรายงานของสหรัฐที่ระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 10,000 ราย สู่ระดับ 293,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2015 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 277,000 ราย

หุ้นโฮมดีโปท์ พุ่งขึ้น 3.3% ขณะที่หุ้นเวริซอน คอมมูนิเคชันส์ ทะยานขึ้น 3.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น โดยหุ้นอัลฟาเบท อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล อิงค์ ดีดตัวขึ้น 11% ขณะที่หุ้นซิลลิงซ์ อิงค์ พุ่งขึ้น 8.6% และหุ้นไมครอน เทคโนโลยีพุ่งขึ้น 8%

ขณะที่นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศเดือนธ.ค.จากเฟดชิคาโก, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนม.ค., ยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนธ.ค.จาก Conference Board

Back to top button