มติเอกฉันท์เฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.50% ตามคาด

มติเอกฉันท์เฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.50% ตามคาด อย่างไรก็ดี เฟดไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในเดือนมี.ค.โดยเฟดกำลังจับตาอย่างใกล้ชิดต่อภาวะเศรษฐกิจโลก และตลาดการเงิน โดยกำลังทำการประเมินผลกระทบต่อตลาดแรงงาน และอัตราเงินเฟ้อ


ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ซึ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อคืนนี้ว่า ข้อมูลที่ได้รับนับตั้งแต่ที่คณะกรรมการ FOMC ประชุมกันในเดือนธ.ค.บ่งชี้ว่า ภาวะตลาดแรงงานได้ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง แม้วาการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้ชะลอลงในช่วงปลายปีที่แล้ว การใช้จ่ายภาคครัวเรือนและการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของภาคธุรกิจได้เพิ่มขึ้นในอัตราปานกลางในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

ขณะที่ภาคที่อยู่อาศัยได้ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การส่งออกสุทธิอยู่ในภาวะอ่อนแอ และการลงทุนด้านสต็อกสินค้าชะลอตัวลง ส่วนปัจจัยชี้วัดตลาดแรงงานในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการจ้างงานเพิ่มอย่างแข็งแกร่ง แสดงให้เห็นถึงการลดลงต่อเนื่องของการใช้ประโยชน์ในระดับต่ำเกินไปจากทรัพยากรด้านแรงงาน เงินเฟ้อยังคงปรับตัวต่ำกว่าเป้าหมายระยะยาวที่ 2% ของคณะกรรมการ ซึ่งบางส่วนสะท้อนถึงการร่วงลงของราคาพลังงานและการปรับตัวลงของราคานำเข้าสินค้าที่ไม่ใช่พลังงาน ส่วนมาตรวัดการชดเชยเงินเฟ้อที่อิงกับตลาดได้ปรับตัวลงต่อไป ขณะที่มาตรวัดการคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะยาวที่อิงกับผลสำรวจนั้นแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

คณะกรรมการ FOMC พยายามที่จะสนับสนุนการจ้างงานในระดับสูงสุดและความมีเสถียรภาพด้านราคา ซึ่งสอดคล้องกับขอบเขตอำนาจหน้าที่ของเฟด ในปัจจุบันนี้ คณะกรรมการคาดว่า ด้วยการปรับท่าทีด้านนโยบายการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไปนั้น กิจกรรมทางเศรษฐกิจจะยังคงมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราปานกลาง และปัจจัยชี้วัดตลาดแรงงานจะยังคงแข็งแกร่ง โดยคาดว่าเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับต่ำในระยะใกล้ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการร่วงลงอย่างต่อเนื่องของราคาพลังงาน แต่เงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2% ในระยะกลาง

ขณะที่ผลกระทบชั่วคราวจากการร่วงลงของราคาพลังงานและราคานำเข้าได้ลดน้อยลงและตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่งมากขึ้น คณะกรรมการจะยังคงจับตาดูความคืบหน้าทางเศรษฐกิจและการเงินทั่วโลกอย่างใกล้ชิด ขณะที่มีการประเมินผลกระทบต่อตลาดแรงงานและเงินเฟ้อ ตลอดจนความเสี่ยงต่อแนวโน้ม

เมื่อพิจารณาถึงแนวโน้มทางเศรษฐกิจ คณะกรรมการได้ตัดสินใจคงช่วงเป้าหมายสำหรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (federal funds rate) ไว้ที่ระดับ 0.25-0.5% โดยท่าทีด้านนโยบายการเงินจะยังคงมีความผ่อนคลาย ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการปรับตัวดีขึ้นต่อไปของภาวะตลาดแรงงานและการที่เงินเฟ้อจะปรับตัวสู่ระดับ 2 % อีกครั้ง

ในการตัดสินใจเกี่ยวกับช่วงเวลาและขนาดในการปรับช่วงเป้าหมายสำหรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในอนาคตนั้น คณะกรรมการจะประเมินภาวะเศรษฐกิจในแง่ของความเป็นจริงและคาดการณ์ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับเป้าหมายของการจ้างงานสูงสุดและเงินเฟ้อที่ 2% การประเมินนี้จะพิจารณาข้อมูลในวงกว้าง ซึ่งรวมถึงมาตรวัดภาวะตลาดแรงงาน, ปัจจัยชี้เกี่ยวกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและคาดการณ์เงินเฟ้อ และการพิจารณาถึงความคืบหน้าทางการเงินและสถานการณ์ในต่างประเทศ

ขณะที่เงินเฟ้อในปัจจุบันยังต่ำกว่า 2% คณะกรรมการจะจับตาดูอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับความคืบหน้าทั้งในแง่ความเป็นจริงและคาดการณ์สู่เป้าหมายเงินเฟ้อ คณะกรรมการคาดว่าภาวะทางเศรษฐกิจจะปรับตัวในแนวทางที่จะสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นมีแนวโน้มจะยังคงต่ำกว่าระดับที่คาดการณ์ไว้ในระยะยาวต่อไปสักระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ทิศทางที่แท้จริงของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจะขึ้นอยู่กับแนวโน้มเศรษฐกิจ ตามข้อมูลที่กำลังจะมีการเปิดเผยต่อไป

คณะกรรมการยังคงดำเนินนโยบายที่มีอยู่ในปัจจุบันต่อไปในการนำเงินต้นที่ได้รับจากการถือครองตราสารหนี้ของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุนและหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุน ไปลงทุนใหม่ใน MBS ของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุน และเข้าซื้อพันธบัตรชุดใหม่เมื่อพันธบัตรเดิมครบกำหนดไถ่ถอนในการประมูล โดยคณะกรรมการคาดว่าจะดำเนินการดังกล่าวจนกว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจะอยู่ในระดับปกติ นโยบายนี้น่าจะช่วยให้ยังคงมีภาวะทางการเงินที่ผ่อนคลาย โดยที่คณะกรรมการยังคงถือครองหลักทรัพย์ระยะยาวขึ้นเป็นจำนวนมาก

ผู้ที่ออกเสียงสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินของ FOMC ได้แก่ เจเน็ต แอล. เยลเลน ประธานเฟด, วิลเลียม ซี. ดัดลีย์ รองประธานเฟด, เลล เบรนาร์ด, เจมส์ บูลลาร์ด, สแตนลีย์ ฟิสเชอร์, เอสเธอร์ แอล. จอร์จ, ลอเร็ตตา เจ. เมสเตอร์, เจอโรม เอช. เพาเวล, เอริค โรเซนเกรน และแดเนียล เค. ทารุลโล

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียง

Back to top button