
ICHI วิ่ง 2% โบรกชูท็อปพิก “กลุ่มเครื่องดื่ม” กำไรไตรมาส 2 ฟื้น แนะซื้อเป้า 15.60 บาท
ICHI บวก 2% โบรกแนะ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 15.60 บาท ชูเป็นหุ้นท็อปพิกกลุ่มเครื่องดื่ม ไตรมาส 2/68 กำไรกลับมาฟื้นจากไตรมาส 1/68
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 เม.ย.68) ราคาหุ้น บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI ณ เวลา 10:26 น. อยู่ที่ระดับ 12 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 1.69% สูงสุดที่ระดับ 12.10 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 11.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 14.65 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ “ซื้อ” หุ้น ICHI เลือกเป็น Top pick ของกลุ่มเครื่องดื่มในไตรมาส 2/2568 และคงราคาเหมาะสม 15.60 บาทต่อหุ้น โดยประเมินว่า ICHI เป็นหนึ่งในหุ้นที่มีความเสี่ยงทั้งจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และภาษีความหวานเฟส 4 จำกัด (ปรับสูตรแล้วในไตรมาส 1/2568) แต่ราคาหุ้นปัจจุบันปรับตัวลงตามภาวะตลาดสะท้อนงบไตรมาส 1/2568 ที่อ่อนแอไปแล้ว โดยซื้อขายบนอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) เพียง 11.1 เท่า ต่ำกว่าค่าฉลี่ยในอดีต 20.3 เท่า นอกจากนี้คาดเงินปันผลครึ่งแรกของปี 2568 ได้ที่ 4-5%
ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคาะห์คาดกำไรปกติในไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 239 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.7% จากไตรมาสก่อน แต่ลดลง 34.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดรายได้อยู่ที่ 1,755 ล้านบาท ลดลง 12.6% จากไตรมาสก่อน และลดลง 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากฤดูหนาวที่ยาวนานจากการได้รับผลกระทบจากลานีญากดดันอุปสงค์สินค้ากลุ่มเครื่องดื่มในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นคาดอยู่ที่ 23.5% ลดลงทั้งจากไตรมาสก่อน และลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จาก U-rate ที่ลดลงตามทิศทางยอดขาย รวมถึงการเริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ของเครื่องจักรใหม่ในเดือนมีนาคม 2568 ที่ในช่วงแรกอาจยังไม่สามารถผลิตได้เต็มประสิทธิภาพ
ส่วน SG&A/Sales คาดอยู่ที่ 7% ลดลงจากไตรมาสก่อน เนื่องจากไม่มีการบันทึกค่าใช้จ่ายโบนัสพนักงานที่สูงเหมือนในไตรมาส 4/2567 แต่สูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีการใช้ค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่ระดับใกล้เคียงกับปีก่อน ขณะที่รายได้ลดลง ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจากอินโดนีเซีย คาดจะอยู่ที่ 2 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน 4 ล้านบาท ในไตรมาส 4/2567 เนื่องจากไม่มีการตั้งสำรองสินค้าล้าสมัย แต่ยังลดลงจาก 12 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2567 เนื่องจากเศรษฐกิจในอินโดนีเซียที่ชะลอตัวลง ประกอบกับการเกิดอุทกภัยในบางพื้นที่
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์คาดกำไรจะกลับมาเติบโตทั้งจากไตรมาสก่อน และเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนได้อีกครั้งในไตรมาส 2/2568 หนุนจาก
1.การเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน และเทศกาลสงกรานต์ ประกอบกับการเร่งทำการตลาดเชิงรุกมากขึ้น,
2.การรับรู้กำลังการผลิตใหม่เต็มไตรมาสที่จะทำให้บริษัทสามารถกลับมาผลิตสินค้าให้ IF ได้อีกครั้ง และการรับรู้รายได้จากลูกค้าใหม่อย่างบริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN นอกจากนี้ บริษัทยังใช้กำลังการผลิตที่เหลือสำหรับการออกสินค้าใหม่มากขึ้นราว 7 SKUs
3.อัตรากำไรขั้นต้น ในไตรมาส 2/2568 คาดกลับมาฟื้นตัวจากไตรมาสก่อน จาก U-rate ที่ปรับตัวดีขึ้น และ
4.ส่วนแบ่งกำไรจากอินโดนีเซีย คาดเห็นการฟื้นตัวต่อจากไตรมาสก่อน จากฐานต่ำในไตรมาส 1/2568 ที่เกิดเหตุอุทกภัย โดยปัจจุบันเริ่มมีลูกค้ากลับมาสั่งซื้อสินค้ามากขึ้นแล้ว
ขณะที่การขายที่ดินที่จ.อยุธยา มูลค่าราว 100-120 ล้านบาท คาดจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 2/2568 ทำให้บริษัทมีโอกาสจ่ายเงินปันผลพิเศษในอนาคตเป็น Upside ต่อการคาดการณ์เงินปันผล โดยหากกำไรในไตรมาส 1/2568 ออกมาตามคาด จะคิดเป็น 16.9% ของประมาณการกำไรทั้งปีที่ 1,409 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6% จากปีก่อน แม้กำไรในไตรมาส 1/2568 จะอ่อนแอกว่าปีอื่น ๆ แต่เนื่องจากแนวโน้มกำไรที่คาดจะกลับมาเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนได้อีกครั้งตั้งแต่ในไตรมาส 2/2568 จากการขยายกำลังการผลิต ทำให้กำไรทั้งปียังอยู่ในกรอบประมาณการ