ITC ร่วง 6% หลังกำไร Q1 ต่ำคาด หวั่นเทรดวอร์ “สหรัฐ” กระทบยอดขายชะลอตัว

ITC ร่วง 6% หลังรายงานกำไรไตรมาส 1/68 ลดลง 17% หวั่นสงครามการค้ากระทบยอดขายสหรัฐชะลอตัว ฟากโบรกแนะ “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 25.40 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (29 เม.ย.69) ราคาหุ้น บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC อยู่ที่ระดับ 12.30 บาท ลบ 0.80 บาท หรือ 6.11% สูงสุดที่ระดับ 12.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 11.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 120.39 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุผ่านบทวิเคราะห์ว่าภายหลัง ITC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/68 มีกำไรสุทธิอยู่ที่  677 ล้านบาท  ต่ำกว่าที่คาดการณ์ 9.8% เป็นการปรับตัวลดลง 14.4% จากไตรมาสก่อนหน้าและลดลง 17.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้ที่ 4.25 พันล้านบาท ปรับตัวลดลง 9.6% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่เติบโต 5.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยยอดขายอ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้า จากผลของฤดูกาลที่ช่วงไตรมาส 1 มักจะเป็นไตรมาสที่มียอดขายต่ำที่สุดของปี แต่การเติบโต เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากยอดสั่งซื้อที่เติบโต ของ Global brands ในสหรัฐฯ

ขณะที่ยอดขายราว 10% ของไตรมาส 1/68 คาด Delay ไปส่งมอบในช่วงไตรมาส 2/68 เนื่องจากยังคงประสบปัญหาด้านการขนส่ง Gross Margin ในไตรมาส 1/68 อยู่ที่ 24.1% ต่ำกว่าที่ฝ่ายนักวิเคราะห์คาดการณ์เล็กน้อย และปรับตัวลดลงจากไตรมาส 1/67 ที่ระดับ 25.5% และจากไตรมาส 1/67 ที่ 25.7% จากสัดส่วนของสินค้ากลุ่ม Premiumที่ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 48.7% จาก 54.7% ในไตรมาส 4/67 และ 54.8% ในไตรมาส 1/67

ส่วน SG&A ปรับตัวขึ้นมาจาก Consultant Fee ที่คาดว่าในอนาคตจะช่วยปรับลดต้นทุนอย่าง มีเสถียรภาพและหนุน Gross Margin ได้ในระยะยาว

โดยยังคงคาดการณ์กำไรปี 68 ที่ 3.81 พันล้านบาท เติบโต 5.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคาด Gross Margin ปี 68 อยู่ใกล้เคียงปี 2567 และกลุ่มลูกค้ายังคงเน้นสินค้ากลุ่ม Premium และคาดยอดขายยังเติบโตต่อได้จากทั้งปริมาณและราคาขาย และเน้นขายสินค้ากลุ่ม Private LabeI โดยแนะนำ “ซื้อเก็งกําไร” ที่ราคาเป้าหมาย 25.40 บาท

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองผลการดำเนินงานไตรมาส 1/68 ของ ITC ที่รายงานออกมามีกำไรปกติที่ 697 ล้านบาท ลดลง 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 13% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยได้รับแรงกดดันจากอัตรากำไรขั้นต้นที่อ่อนตัวลง

อย่างไรก็ตาม ยังได้แรงหนุนจากอัตราภาษีที่แท้จริงต่ำกว่าคาด แต่กำไรในไตรมาส 1/68 ก็ออกมาต่ำกว่าคาดเล็กน้อย และในระยะต่อไปยังต้องระมัดระวังต่อแนวโน้มของ ITC เนื่องจากความไม่แน่นอนจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งอาจจะกระทบต่อยอดขายในสหรัฐที่ชะลอตัวขึ้น โดยได้ปรับลดประมาณการกำไรปี 68 ลง 14% เพื่อสะท้อนสมมติฐานที่ระมัดระวังมากขึ้น โดยคาดว่ากำไรปกติปี 68 จะลดลง 24.5% จากปีก่อน

Back to top button