
SAV วิ่ง 4 วันพุ่ง 15% เก็งรับงบไตรมาส 2 กำไรโตแตะ 126 ล้าน
SAV บวกยาว 4 วัน ราคาพุ่ง 15% เก็งรับงบไตรมาส 2/68 คาดกำไรพุ่ง 126 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.70% ตามการฟื้นตัวของจำนวนเที่ยวบิน โบรกฯ คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมใหม่ 15.20 บาท คาดไตรมาส 4/68 เริ่มเข้าฤดูกาลท่องเที่ยว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 ก.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SAV ณ เวลา 10:43 น. อยู่ที่ระดับ 12.80 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 3.23 บาท สูงสุดที่ระดับ 13 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 12.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.07 ล้านบาท
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินว่า คาดกําไรสุทธิไตรมาส 2/2568 ของ SAV อยู่ที่ 126 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.70% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 116 ล้านบาท หากไม่รวมการด้อยค่าสินทรัพย์ยุติการใช้งานในสนามบิน 8 ล้านบาท กําไรปกติจะอยู่ที่ 134 ล้านบาท ลดลง 11% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดรายได้ที่ 472 ล้านบาท ลดลง 6% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการลดลงจากไตรมาสก่อนในทิศทางเดียวกับจํานวนเที่ยวบินรวมคาดที่ 30,000 เที่ยวบิน ลดลง 2% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเริ่มเห็นการชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อน หลังผ่านฤดูกาลท่องเที่ยวในไตรมาส 1/2568 แต่คิดเป็น 92% เทียบกับไตรมาส 2/2562 (Pre COVID-19)
โดยมีแรงผลักดันสำคัญจากเที่ยวบิน Overflight ที่เติบโต 3% จากไตรมาสก่อน และเติบโต 31% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนแนวโน้มการเดินทางทางอากาศในภูมิภาคที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง จึงคาดอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin หรือ GPM) ที่ 51.50% สูงขึ้นจากไตรมาสก่อน ตามสัดส่วนเที่ยวบิน Overflight ที่มีอัตรากําไรขั้นต้นสูง คาดเพิ่มขึ้นจาก 70% เป็น 73% เบื้องต้นคาดกําไรปกติไตรมาส 3/2568 ทรงตัวจากไตรมาสก่อนอีกหนึ่งไตรมาส เนื่องจากยังเป็นโลว์ซีซั่น (Low Season) ก่อนจะกลับมาเติบโตจากไตรมาสก่อนในไตรมาส 4/2568 ที่เริ่มเข้าฤดูกาลท่องเที่ยว สําหรับภาพจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเริ่มเจอฐานสูง เบื้องต้นคาดกำไรมีโอกาสทรงตัว-ลดลงเล็กน้อยกดดันจากสถานการณ์ไทย-กัมพูชาที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบภาคการท่องเที่ยวกัมพูชา
อย่างไรก็ตาม ได้ปรับประมาณการกําไรปกติปี 2568-2569 ลง 2-4% เป็น 534 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อน และ 573 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อน ตามลําดับ จากการปรับลดลัดส่วนเที่ยวบินไทยไปกัมพูชาลง (คิดเป็นราว 15% ของเที่ยวบิน International และราว 5% ของรายได้รวม) เพื่อสะท้อนกรณีที่การท่องเที่ยวกัมพูชาถูกกระทบเชิงลบจากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา นอกจากนี้ มีการปรับ WACC ขึ้นจาก 8.40% เป็น 10.80% เพื่อสะท้อนความเสี่ยงด้านการดําเนินธุรกิจหลักที่มากขึ้น ทําให้ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 15.20 บาทต่อหุ้น ซึ่งยังมี Upside Gain 32% ทําให้คงคําแนะนำ “ซื้อ”
หากเทียบกรณีที่แย่ที่สุดประเมิน Downside ของราคาหุ้นเริ่มจํากัด เชิงกลยุทธ์แนะนํารอสัญญาณบวกจาก
1) สถานการณ์ไทย-กัมพูชาคลี่คลาย แลุะ
2) ความคืบหน้าแผนการขยายธุรกิจเกี่ยวข้องกับการบินที่จะหนุนให้ราคาหุ้นฟื้นตัว โดยระดับราคาที่สะท้อนความเสี่ยงไปแล้วอยู่ที่ราว 10 บาทต่อหุ้น ซึ่งจะซื้อขายที่อัตราส่วนราคาหุุ้นต่อกำไรสุทธิ (PER) ปี 2568 ที่ 12 เท่า